อ.ชารีฟ(ประสาน) ศรีเจริญ รองประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี ได้กล่าวเตือนมุสลิม ไม่ให้สร้างปัญหาความขัดแย้งกับพี่น้องต่างศาสนิก ไม่เช่นนั้น มุสลิมในประเทศไทยจะเหมือนชาวโรฮิงญาในพม่า
“เราทะเลาะกันเองไม่พอ เดี๋ยวนี้เราชวนพี้น้องที่ไม่ใช่มุสลิมมาทะเลาะด้วย ไซนาอาลี ได้กล่าวว่า จงพูดในสิ่งที่รู้เท่านั้น และไม่ต้องพูดทุกอย่างที่รู้ แต่บางคนรู้อะไรพูดหมด และไม่ดูที่ จึงขอเรียกร้องไปยังคนที่รักอิสลามรักสังคมนี้ ต้องการใช้ชีวิตในสังคมอย่างสงบสุข ให้สงบปากสงบคำซะบ้าง เรารู้ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่า เราเป็นใบ้ ถ้าเขาพูดมาถึงเรา เราจะสะเทือน เรารบกันเองไม่พอหรืออย่างไร เราจะปชวนคนอื่นรบ เราจะเป็นโรฮิญาในพม่าหรืออย่างไร ” รองประธานผู้ทรงคุณวุฒืจึฬาราชมนตรี ออกมาเตือนสติ นักพูดไร้สติ
อ.ชารีฟ กล่าวว่า เป็นเรื่องขอเตือนเอาไว้ พี่น้องต่างศาสนิกไม่ได้คิดแบบนี้ แต่ถ้าเราไม่รู้จักเจียมตัวเจียมตน เราก็อยู่ในสังคมไม่ได้ ถ้าอิสลามของเราอยู่กับใครไม่ได้ในโลกใบนี้อิสลามด้วนไปนานแล้ว แต่ที่ขยายไปเรื่อยๆ เพราะอิสลามอยู่ด้วยความอ่อนน้อม ความแตกต่างในเรื่องของเชื้อชาติ เรื่องความเชื่อ เป็นไปตามดำรัสของอัลเลาะฮ์ ที่บอกว่า อะหมัดเอ่ย “ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ก็จะให้มนุษยชาติเป็นหนึ่งเดียว” เป็นหนึ่งเดียว คือไม่ทะเลาะกัน เหมือนกันหมด และอีดอายะห์หนึ่ง บอกว่า ดอ้มูฮมัมหัด เอ่ย ถ้าเป็นประสงค์ของพระเจ้าแล้วไซร้ เราก็ให้มนุษย์มีศรัทธาเหมือนกัน และในที่สุดก็มีความแตกต่าง ความแตกต่างเป็นสิ่งที่อัลลเลาะฮ์สร้างมา เราต้องยอมรับให้ได้ เหมือนที่บนีอยู่ที่มาดีนะห์ อยู่กับคริสต์ อยู่กับยิว กับมุชชารีกีน อยู่กับความหลากหลายแต่นบีก็อยู่ได้
“อยากจะบอกกับคนที่พูดไม่คิดว่า อย่าให้เราต้องเดือดร้อน เราอยู่กันดีๆและต้องให้เกียรติพวกเขา การยอมรับไม่ใช่ว่า จะเชื่อเหมือนกัน เหมือนที่เขายอมรับเรา” อ.ชารีฟ กล่าว
ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสความขัดแย่งเกิดขึ้น จากการออกมาเรียกร้องของ พิธีกรบางคนไม่ให้ชม บุพเพสันนิวาส ที่อยู่ในความนิยมของคนไทย ระบุว่า ขัดต่อหลักศาสนา ทำให้มีกระแสตอบโต้ขึ้นมาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน อดีตนักร้องดัง ได้ออกมาโจมตีสิ่งเคาระของพี่น้องต่างศาสนิก กลายเป็นกระแสขัดแย้งอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการตอบโต้กันในโลกโซเชียล
