ผู้จัดการกองทุนกยศ. พักชั่วคราว ยึดทรัพย์ ‘ครูวิภา’ คำประกันเด็ก จะไล่บี้หนี้จะเด็กแทน-ครูโวย ไม่มีหลักประกันจะไม่ยึดทรัพย์ตน
จากกรณีนางวิภา บานเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนสักงามวิทยา อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร ได้ถูกดำเนินการฟ้องร้องในฐานะผู้ค้ำประกันให้กับนักเรียนในการกู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) จำนวน 60 ราย ในช่วงปี2541-2542 ซึ่งลูกศิษย์ที่กู้ยืมเงินไปไม่ได้ชำระเงินดังกล่าว ทำให้นางวิภา ผู้ค้ำประกันได้ถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์สิน
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุน กยศ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันกองทุน กยศ. ได้ใหู้ยืมเงินกว่า 5 แสนล้านบาท จำนวนผู้กู้ 5 ล้านราย มีผู้ปิดบัญชีไปแล้วประมาณ 8 แสนราย อยู่ระหว่างการปลอดชำระหนี้ 1 ล้านราย และอยู่ระหว่างการชำระหนี้ประมาณ 3 ล้านราย ในจำนวนนี้ผิดนัดชำระหนี้กว่า 2 ล้านราย เงินที่ผิดนัดชำระหนี้ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
กยศ. ได้ดำเนินการฟ้องร้องชำระหนี้ไปแล้ว 1.2ล้านคดี ในปี2560 ดำเนินการฟ้องร้อง 1.2แสนคดี
ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกฟ้องทั้งหมด สามารถไปทำสัญญากับทาง กยศ. เพือประนีประนอมได้ ซึ่งทาง กยศ. ยังเปิดโอกาสให้ผ่อนชำระหนี้ได้อีก9ปี ในกรณีมีการทำสัญญาดังกล่าวแล้ว แต่ถ้าไม่ไปศาลตามหมายเรียกไปไกล่เกลี่ย ศาลจึงต้องดำเนินตามคำพิพากษา
ในส่วนกรณีนางวิภานั้น ได้ค้ำประกัน ให้นักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4และ 5 จำนวนค้ำประกันทั้งหมดประมาณ 60 ราย ทั้งนี้มีผู้ปิดบัญชีไปแล้ว 29 ราย อยู่ระหว่างชำระหนี้ 10 ราย ฟ้องคดีไปแล้ว 21 ราย ในจำนวนนี้ได้ยึดทรัพย์จำนวน 4 ราย แต่ทั้ง 4 ราย เมื่อทำการสืบทรัพย์สิน พบว่า ไม่มีทรัพย์สินใดๆของจำเลย แต่พบทรัพย์ของนางวิภา ซึ่งเป็นคนค้ำประกันแทนในทั้ง 4 คดี จำนวนเงินค้ำประกัน ในการกู้ยืมดังกล่าวเป็นการกู้ยืมเพื่อการยังชีพ ซึ่งนางวิภาได้ทำการปิดบัญชีที่มีการฟ้องร้องยึดทรัพย์ไปแล้วทั้ง 4 คดี
และในวันนี้ ( 25ก.ค.) ทาง กยศ. จะดำเนินการถอนการบังคับคดีบนางวิภา โดยจะดำเนินการระงับการบังคับคดีที่สำนักงานกรมบังคับคดีจ.กำแพงเพชร อย่างเร็วที่สุด สามารถดำเนินการได้ในวันพรุ่งนี้ ช้าที่สุดคือในวันอังคารที่ 31 ก.ค.
“ในส่วน17คดีที่เหลือนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการดำเนินการสืบทรัพย์ และสืบทรัพย์ของนางวิภาด้วย ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติ ในวันนี้ได้มีการหารือร่วมกันกับทางกรมบังคับคดี คดีเดิมจะทำการถอนการบังคับคดี ส่วนคดีใหม่ 17 คดี เราจะชะลอการบังคับคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนางวิภาไว้ก่อน และเป็นที่น่ายินดีว่า นับตั้งแต่มีข่าวออกไป ลูกศิษย์ที่กู้ยืมแล้วยังไม่ชำระหนี้นั้น ได้ติดต่อกับนางวิภาแล้ว หลายคนรับปากที่จะชำระหนี้ในส่วนที่ค้ำประกันให้ตน คาดว่า 17 รายที่เหลือ น่าจะไม่มีปัญหาในการติดตาม ”
ขณะที่ น.ส.เพ็ญระวี มีแสง ผู้อำนวยการกองฟื้นฟูกิจการขอลูกหนี้ ในฐานะโฆษกกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในเรื่องการยึดทรัพย์ที่เกิดขึ้น เป็นกระบวนการปกติ เมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมา ถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าหนี้ก็ต้องมีหน้าที่ในการสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ ทั้งจะมีการออกหมายบังคับคดีเพื่อสืบหาทรัพย์สิน และมาแถลงต่อเจ้าหน้าที่บังคับคดีว่าจะทำการยึดรัพย์อะไร เจ้าพนักงานก็จะยึดทรัพย์ของลูกหนี้ไว้ จากนั้นจะทำการประเมินราคาและขายทอดตลาดต่อไป
” ในกรณีนี้ ได้มีการแจ้งการยึดทรัพย์ไปที่นางวิภา ตามประกาศยึดทรัพย์ ทั้งนี้ในกรณีนี้ ทางนางวิภาได้มีการชำระหนี้ และ กยศ.ถอนการบังคับคดี ซึ่งการดำเนินการแถลงการถอนบังคับคดีต่อไป ”
ส่วน นางวิภา บานเย็น ได้กล่าวว่า ทาง กยศ.ควรปลดภาระหนี้ของผู้ค้ำประกันทั้งหมด ไปให้ผู้กู้ และไม่ได้มีหลักประกันอะไรว่า คนกู้ที่รับปากว่าจะชำระหนี้ทั้งหมด จะชำระหนี้ตามที่สัญญาหรือตามที่กำหนด ที่ผ่านมาตนต้องเสียเงินจำนวนมากมาย ไว้ว่าจะเป็นการหาเงินกู้นอกระบบมาดำเนินการไถ่ถอนทรัพย์สินที่จะโดนยึด รวมทั้งค่าทนายความ แล้วที่ผ่านมาในการโดนดำเนินคดี ตนได้ชำระหนี้ไปเกือบทั้งหมด ส่วนที่ปิดบัญชีของผู้กู้นั้น มีจำนวนน้อยมาก ไม่สามารถเทียบกับจำนวนเงินที่ตนจ่ายไปแล้วทั้งหมด
” ตอนนี้ ใน17 ราย ถ้าไม่มาดำเนินการ กยศ.ก็จะทำการยึดทรัพย์อยู่ดี ครูได้พยายามหาเงินกู้นอกระบบมาจ่ายเพื่อเอาทรัพย์สินที่จะถูกยึดคืน การที่มาแถลงข่าวตรงนี้ ไม่ได้มีความหมายอะไร ไม่มีใครช่วยตนได้ เพราะไม่มีความชัดเจนใดๆ จนรู้ว่ากฏหมายก็คือกฏหมาย แต่มันควรจะมีทางออกอย่างอื่นที่ ทาง กยศ. จะสามารถช่วยเหลือได้บ้าง แต่เมื่อฟังการแถลงแล้ว ก็ทำแค่ระงับการยึดทรัพย์ชั่วคราว แล้วไปดำเนินการสืบทรัพย์ของลูกหนี้ แล้วถ้าเด็กไม่จ่าย ครูก็โดนยึดทรัพย์อยู่ดี ครูสามารถไปไถ่ทรัพย์ที่โดนยึดได้ เมื่อโดนคดีใหม่ ก็โดรยึดทรัพย์ใหม่อีก วนอยู่อย่างนี้ ตามระยะวลาที่ศาลกำหนด ความกังวลใจที่มี คือ แม้จะมาพูดคุยกันแล้ว ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ครูก็ต้องหาเงินมาไถ่ทรัพย์ที่ถูกยึดคืนอยู่ดี ไม่เข้าใจว่า ค่าศาล ค่าทนายทั้งหมด ต้องมาเก็บที่ดิฉันคนเดียว ”