ทบ.สร้าง “นักรบไซเบอร์” เปิดเอกชนมาทำงาน ทหารคุม

202

เตรียมเปิดรับ “นักรบไซเบอร์” ทำงานให้กองทัพ

ทัพบก เตรียม สร้าง “นักรบไซเบอร์” ทั้ง เปิดรับ คนเก่งๆด้านไซเบอร์มาเป็นทหาร และ จ้างเอกชนพลเรือน มาทำหน้าที่ “นักรบไซเบอร์”ให้ แบบไม่ต้องเป็นทหาร แต่มีการสกรีนก่อน เพื่อป้องกัน “ไส้ศึก” ชี้พวกต่อต้านพรบ.คอมพิวเตอร์ มีเป็นขบวนการ ทั้งในและต่างประเทศ/ชี้ เป็นพวกอยาก “ลองวิชา” แต่ยันไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูล

พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงการต่อต้าน พรบ.คอมพิวเตอร์ ว่ารัฐบาลพยายามชี้แจงเหตุผล ซึ่งสังคมส่วนใหญ่เข้าใจ แต่อาจมีบางส่วนพยายามที่จะดำรงความมุ่งหมาย เพราะกลัวว่าสิทธิเสรีภาพอาจถูกลิดรอน ก็เลยมีการใช้วิธีการที่ทดลอง พิสูจน์ความสามารถของตนเอง อย่างที่เห็น ก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่เกิดผลเสียหายต่อส่วนรวม และทำให้เกิดความวิตกกังวลในสังคม

ในส่วนของกองทัพนั้น ทั้งบก.กองทัพไทย และเหล่าทัพ เรามีศูนย์ไซเบอร์ และระบบ และมีเครื่องมือ ที่เราพยายามพัฒนา ทั้งเครื่องมือ และคน แต่บางทีบุคลากรของเรา ก็พัฒนาไม่ทัน เพราะเรามีกรอบของเรา

“การที่เราจะเอาทหาร ที่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ มาทำงานก็คงไม่เพียงพอ ดังนั้นเราก็ต้องรับคน ที่มีความชำนาญในด้านเหล่านี้เข้ามา ซึ่งอยู่ในแผนการพัฒนาโครงสร้างกองทัพ เพราะถ้าเอาทหารที่เรามีอยู่ ก็คงไม่เชี่ยวชาญพอ จึงต้องรับคนข้างนอกเข้ามาเป็นทหาร หรือไม่ต้องเป็นทหาร รับมาเป็นเอกชน แต่มาทำงานให้กองทัพ แต่ก็มีรูปแบบที่เหมาะสม และค่าตอบแทนที่เหมาะสม แต่ก็มีข้อจำกัด เพราะเราเป็นระบบราชการ คงจะจ้างเงินเดือนสูงๆมากไม่ได้” ผบ.ทบ. กล่าว

ทั้งนี้ถือเป็นการสร้าง “นักรบไซเบอร์” ในอีกหนทางหนึ่งของกองทัพ ซึ่งในกองทัพต่างประเทศ เขาก็ทำกัน โดยมีการจ้างพลเรือนมาทำงานให้ โดยไม่ต้องเป็นทหาร แต่ทำหน้าที่พนักงาน แต่มีระดับหัวหน้า เป็น นายทหารชั้นผู้ใหญ่ แล้วก็มีพนักงานที่เป็นพลเรือน ที่เราจ้างมาในราคาสูง

ส่วนที่เกรงว่า อาจจะมีไส้ศึก เข้ามาทำงานให้กองทัพ แล้วล้วงข้อมูลเสียเองนั้น เราต้องมีการสกรีน ก่อน อยู่แล้ว ในการที่จะรับใครเข้ามาทำงาน เพราะเรื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเรื่องใหม่ จะต้องมีขีดความสามารถพิเศษ

พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า ขบวนการต่อต้านพรบ.คอมพิวเตอร์นี้ พบว่ามีการเชื่อมโยงกันเป็นขบวนการ ที่เชื่อมโยงกันทั้งในและต่างประเทศ เป็น กลุ่ม หมู่พวก ก็ยากทีจะเราลงไปตามดูว่า เขาอะไรกันตรงไหน แต่ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้ทำให้เสียหาย ในเรื่องข้อมูล แต่แค่ทำความเสียหาย ต่อระบบ ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ นิ่งเฉย มีการตรวจสอบ และมีการควบคุมตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวกอายุน้อย เป็นเยาวชน อายุ ยี่สิบต้นๆ

“แม้รัฐบาลจะพยายามชี้แจง สร้างความเข้าใจ โดยคนส่วนหนึ่งที่จะเข้าไปร่วมก็เข้าใจว่า มันไม่เป็นผลดี เข้าใจความมุ่งหมายของรัฐบาล เข้าใจว่าผลเสียหายต่อประเทศคืออะไร เขา ก็ไม่ไม่เข้าร่วม โดยพบว่า มีคนที่ถอนตัวออกไป ทั้งในและต่างประเทศ ถอนตัวออกไป แต่ บางคนก็ยังอยาก “ลองวิชา” ส่วน บางคนเชื่อมั่นอยู่” ผบ.ทบ. กล่าว

Cr.wassana nanuam