อนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาแสดงความมั่นใจสมาชิกภูมิใจไทยไม่เคยทำผิด วอนนักการเมือง อย่าใส่ร้าย โยนความผิดให้กัน จะเข้าทางทหารอีก ระบุว่า ต้องทำปชต.ให้ศักดิ์สิทธิ์ หยุดเล่นการเมืองแบบเก่า
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดกรณีมีการร้องเรียนเรื่องการหาสมาชิกพรรคที่จ.นครราชสีมา ซึ่งกกต.ออกมาระบุว่า ไม่มีความผิดว่า ไม่เคยไม่สบายใจกับเรื่องนี้ เพราะว่าผู้แสดงความจำนงจะเป็นผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเลยด้วยซ้ำ เพราะติดล๊อคของการเมืองอยู่ แต่พรรคต้องมีมาตรฐานในการจะให้ลงสมัครในนามพรรค ไม่เฉพาะชื่อชั้นอย่างเดียว เพราะการบันทึกครั้งล่าสุด ในปี 2554 ระยะเวลา 8 ปี ซึ่งก็มีมาให้พรรคพิจารณา ทั้งมวลชน หัวคะแนน ดังนั้นใครมาบอกให้ยุบพรรค ก็ไม่ถูกนัก เพราะว่าเราก้อไม่รูว่าเขาไปทำอะไรในบ้านของเขา แต่เขาจะต้องทำว่าเขามีอะไรแน่ที่จะมาเสนอตัวลงในนามของพรรค
“ขั้นตอนการคัดเลือกของพรรค คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ตั้งกฎเกณฑ์เข้มมากใครจะเข้ามาในพรรค นอกจากเช็คจากพื้นที่ คนรอบข้าง เราต้องให้เขาแสดงความเข้มแข็งให้เราดูด้วย”
ส่วนที่หลายพรรคต้องการเข้าอันดับที่ 2 เพื่อชิงคะแนนบัญชีรายชื่อนั้น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งปี 2554 มันคือกระแส ดังนั้นเราเชื่อว่า ใครผ่านพ้นเมื่อปีดังกล่าวแล้วเดินเข้าสภาได้แสดงว่า เขามีความนิยมในตัวเองพอสมควร โชคดีที่ท่านเหล่านั้นสมัครใจอยู่ภูมิใจไทย ยังไม่มีใครลาออกแม้แต่คนเดียวเลย
เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรจุดไม่ติดหรือเปล่า จึงต้องออกมาสะกิดพรรคภูมิใจไทย เพราะมีคนเดินเข้ามาสมัคร ในพรรคภูมิไจไทยมากขึ้น จึงต้องการสกัดด้วยการร้องเรียน นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องมองตัวเองเป็นหลัก เราไม่สามารถทนกับกระแสกดดันจากฝ่ายต่าง ๆ ได้ อย่างน้อยเรามีความนิยมอันดับหนึ่ง เราก็เสริมเรื่องนโยบายที่ดี การทำตัวให้ดี ทำงานให้ดี ให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเราไม่โกหกกับประชาชน
“มีผู้สมัครท่านหนึ่ง เคยสาบานว่าจะไม่เล่น ไม่ยุ่งเกี่ยว กับการเมือง แล้วก็ถอนคำสาบาน แล้วมายุ่งเกี่ยวอะไรกับพรรคภูมิใจไทย แล้วเราก็เห็นว่า สิ่งที่ชาวบ้านเบื่อที่สุดคือ การทะเลาะกันเองของพวกเรา แล้วการทะเลาะกันของนักการเมืองในอดีตเป็นการเปิดให้อำนาจนอกระบบเข้ามา ผมคิดแค่นี้ แล้วรู้สึกว่าอีกไม่กี่เดือน ไม่เกิน 1 ปี ต้องเกิดการเลือกตั้งในเมืองไทย แต่โอ้โห หายไป 5 ปี แทนที่จะดีกัน นึกถึงทำยังไงให้ระบอบประชาธิปไตย มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ดันกลับมาในบริบทเลย สาดเสียเทเสียให้กัน โป้ปดมดเท็จ เด็กเลี้ยงแกะ โยนของเสียให้คนอื่น แล้วมันต่างกันอย่างไร แบบนี้เมืองไทยก็จะต้องมีปฏิวัติอีกหรือเปล่า แล้วเมื่อไหร่จะจบสิ้น” นายอนุทิน กล่าว
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตอนนี้เห็นแล้วรู้สึกปลง สมเพชคนพูด สมัยก่อนก็ยอมรับ เป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่เที่ยวนี้เห็นว่า เราควรจะเพิกเฉย ไม่ยี่หระ กับการกระทำของผู้ไม่หวังดี ที่ไม่เป็นความจริง ตนโดนเรื่องคนของพรรคเพื่อไทย ในการเรียน วปอ. ไม่มีอะไรดีที่สุดกับความนิ่ง
“ผมชนะใจผมเองที่ไม่ออกมาโต้ตอบ และเป็นผู้ชนะ เพราะว่าสิ่งที่กล่าวหาไม่เป็นความจริง เช่นบอกว่า ผมไปเรียนซ้ำซ้อน ไปเรียนหลักสูตรศาลรัฐธรรมนูญ พูดตรงนี้เขาก้อขายหน้าไปทั้งประเทศเอง เพราะในวันที่ 24 กันยายน ผมเรียนจบแล้ว ไมได้เรียนแล้ว ส่งเปเปอร์สุดท้ายแล้ว ส่วน วปอ.เริ่มเรียนวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งนี่คือความจริงว่ามันไม่ซ้ำซ้อน ถ้าเราไม่ทำอะไรผิดเราจะไม่โกรธ ไม่ไปแก้ตัว และไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่รู้สึกผิดหวังว่า ทำไมการเมืองเก่าถึงกลับมาอีก เดี๋ยวเลือกตั้งก็ทะเลาะกันอีก เดินขบวนอีก ทหารเข้ามาอีก เป็นกงกรรม กงเกวียน สาบานมันคือคำสัญญา มันมีคู่สัญญาอยู่ การไปถอนคำสาบาน อีกฝ่ายเขาจะยอมหรือเปล่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะยอมหรือเปล่า” นายอนุทิน กล่าว
