ทำไมมุสลิมนิวซีแลนด์ได้รับการปกป้องหลังโศกนาฏกรรม

259

ทำไมมุสลิมนิวซีแลนด์ได้รับการปกป้องหลังโศกนาฏกรรม
โดย อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้
[email protected],

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2562ถือ เป็นวัน ศุกร์ที่ไม่สุขที่นิวซีแลนด์ มัน มีข่าวเศร้า เพราะปรากฎภาพข่าวตะลึงไปทั่วโลก เมื่อ มือปืนบุกเข้าไปกราดยิงในมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 49 คน และได้รับบาดเจ็บกว่า 40 คน กล่าวคือ เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่มัสยิด อัล นูร์ (al-Nur)ใจกลางเมืองไครสต์เชิร์ช เป็นจุดที่สื่อรายงานว่ามีประชาชนพยายามหนีเอาตัวรอด และมีคนนอนจมกองเลือดด้านนอกมัสยิด ส่วนเหตุการณ์ที่สองเกิดที่มัสยิดชานเมืองลินวูด แต่ที่นี่ตำรวจสามารถปลดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ติดอยู่กับรถยนต์ออกไปได้
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังความโศกเศร้าให้คนนิวซีแลนด์และทั่วโลก จนมีการติดแฮชแท็กซ์ #PrayForNewZeland เป็น การขอพรให้พระเจ้าคุ้มครองชาวนิวซีแลนด์ไปทั่วโลก

สำหรับผู้เขียนแล้วก็เห็นสอดคล้องกับทุกท่าน #Pray4NewZealand #อินนาลิลลาฮฺวะอินนาอิลัยฮิรอญิอูน รวมทั้งขอพรต่ออัลลอฮฺ(พระเจ้า)ได้ทรงโปรดประทานความเข้มแข็งให้กับชาวนิวซีแลนด์ ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของผู้สูญเสีย และผู้ที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนั้น และขอพระองค์ทรงเมตตาแก่ผู้ที่จากไปให้พระเจ้าทรงประทานให้พวกเขาผู้ล่วงลับได้เป็นหนึ่งในบรรดาชาวสวรรค์ด้วยเถิด ดังที่พระเจ้าได้โองการความว่า“และพวกเจ้า อย่ากล่าวแก่ผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮฺว่า พวกเขาตาย มิใช่เช่นนั้น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่าพวกเจ้าไม่สามารถรู้สึกได้” (2:154) เพราะวิญญาณของพวกเขายังอยู่กับเราทุกคน (คำกล่าวของพระองค์เป็นสัจธรรมเสมอ)
ท่ามกลางความโศกเศร้าก็ยังมีเรื่องดีในสื่อโลกโซเซียลเพราะเราเห็นภาพคนทุกศาสนิก ร่วมกันออกมา ปกป้อง มุสลิม ไม่ว่าจะเป็นการออกคลิป ถือป้าย แม้กระทั่ง ร่วมจับมือยืนถือแขน เฝ้าหน้าประตูมัสยิดที่นิวซีแลนด์ให้มุสลิมละหมาดในมัสยิดอย่างมั่นใจในความปลอดภัย ได้เห็นภาพผู้คนรวมทั้งเด็กๆ ทั่วทุกสารทิศ จากนิวซีแลนด์ วางดอกไม้แสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจหน้ามัสยิดทั้งสองที่ถูกโจมตีรวมทั้งภาพประทับใจอีกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายได้
นายอิมรอน โสะสัน (นักศึกษาปริญญาเอก สาขา นโยบายสาธารณะ แห่ง สถาบันการศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งโอ๊คแลนด์ AUT University ประเทศนิวซีแลนด์)ได้สะท้อนเรื่องนี้ต่อผู้เขียนว่า “ความเป็นจริง ได้สัมผัสกับมุสลิมที่นี่ อ่านงานวิจัยเรื่องเกี่ยวกับมุสลิมที่นี่ก็พบว่า ส่วนใหญ่อพยพมาจากเอเชียใต้ จากอินเดียและปากีสถาน เมื่อ ต้น1900 แต่ด้วยจรรยามารยาทของพวกเขา ความออบโอ้มอารี การเป็นมือบน ที่มีต่อคนพื้นที่ แม้ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ ให้เกียรติต่อผู้อื่น มากๆ ทำให้ ได้รับการปกป้องจากผู้นำประเทศ ได้รับกำลังใจ จากคนนิวซีแลนด์ที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหลกับมุสลิมนิวซีแลนด์ ในขณะองค์กรสมาพันธ์มุสลิมนิวซีแลนด์ FIANZ (https://fianz.com)ออกทุกสื่อให้มุสลิมอดทน อดกลั้น ให้อภัย มีสติ ร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาล และประชาชนนิวซีแลนด์ในการสร้างบ้านด้วยกันดังที่ผู้นำนิวซีแลนด์กล่าวว่านี่คือบ้านของพวกเขาสิ่งเหล่านี้คนไทยโดยเฉพาะมุสลิมไทยต้องเรียนรู้พร้อมนำบทเรียนไปปรับใช้ ในขณะที่เมื่อดูกระบวนการยุติธรรมถึงแม้ว่าชัดเจนจับฆาตกรได้แต่กระบวนการยุติธรรมเขาที่มีต่อผู้ต้องหามาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนมากๆ อันเนื่องมาจากคนนิวซีแลนด์ถูกปลูกฝังถึงคุณค่าด้านนี้ซึ่งรัฐไทยเองก็ควรนำมาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทยที่เราพูดกันมานาน

ในเวทีเสวนา “พินิจเหตุการณ์ไครเชิทต์ ผ่านมุมมองศาสนธรรมในสังคมไทย” (ณ.อาคารเรียน REG 401
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ วันที่ 30 มีค เวลา 13.30) โดยผู้นำทุกศาสนาเช่น พระครูธีรสุตคุณ ขุนอักษร เจ้าคณะอำเภอจะนะจังหวัดสงขลา ศจ.โมเสส เลิศพฤทธิพร ประธานคริสเตียนกลางจังหวัดสงขลา ดร.วิสุทธิ์ บินลาเต๊ะ ประธานสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักสำนักจุฬาราชมนตรีเห็นพ้องต้องกันว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้ค้านกับหลักคุณธรรม จริยธรรมของทุกศาสนา ในขณะเดียวกันทุกคนต้องร่วมกันนำคุณค่าทางศาสนธรรมมาค้ำจุนโลกพร้อมทั่งปฏิเสธแนวคิดสุดโต่ง ที่ตกขอบซึ่งไม่เห็นคุณค่าความเท่าเทียมกันของมนุษยชาติ และทุกคนต้องมีขันติธรรมมีสติในการแก้ปัญหา ผศ.ดร.สุชาติ เศรษฐมาลินี จากมหาวิทยาลัยพายัพ ให้ทัศนะว่า ท่ามกลางแนวคิดอิสลาโมฟีเบีย (โรคหวาดกลัวอิสลาม)มุสลิมเองจะต้องไม่ใช้คำพูดที่รุนแรงตอบโต้เพราะมันจะยังยังผลร้ายกับมุสลิมด้วยเช่นกัน ดร. ซอและห์ ตาแหละ อาจารญ์จากมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ได้ขอให้มุสลิมเองนำหลักคำสอนของศาสนาอิสลามโดยเฉพาะต้องอดทน มีวิทยปัญญาในการพูดคุยหรือตอบคำถามที่ปราศจากถ้อยคำที่รุนแรงหรือ Hate Speechโดยเฉพาะในโลกโซเซียล(ปรากฏการณ์ใหม่ใช้วาจาสร้างความเกลียดชัง)

(โปรดดูการเสวนา ฉบับเต็มใน

วิกฤตินิวซีแลนด์ในมุมผู้นำศาสนาต่างๆไทย

โพสต์โดย Shukur Dina เมื่อ วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2019

กล่าวโดยสรุป ไม่ว่าพุทธ อิสลามและคริสต์ เราต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของความเกลียดชัง” ซึ่งสอดคล้องกับแถลงการณ์จุฬาราชมนตรีไทย และทัศนะของเพื่อนผู้เขียน ผศ.ดร.วุฒิศักดิ์ พิศสุวรรณ เลขากรรมการอิสลามจังหวัดนครศรีธรรมราชที่กล่าวว่า#อย่าตกเป็นเหยื่อ
ของความเกลียดชัง
เพราะต้นทางของผู้ก่อการ
คือความเกลียดชัง
และปลายทางของผู้ก่อการ
คือขยายความเกลียดชัง
อาวุธของเราคือ
ความอดทน อดกลั้น และดุอาอฺ(ขอพร)
เพราะมันคืออาวุธที่ทรงพลัง
ของผู้ศรัทธา
จงแสดงออกด้วยวิถีที่สวยงาม
จงรวมอยู่และอยู่ร่วม
กับประชาคมโลก
ผู้มีหัวใจที่เป็นธรรม
#จงประกาศออกไป
ถึงเจตจำนงของเรา
ภายใต้กรอบคิดแห่งอิสลาม
ไม่ว่าผู้