โลคอร์สขาดทุน! ยื่นคลังขอลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน

171

สายการบินโลคอร์ส ยื่นคลังทบทวนภาษีสรรพสามิตเครื่องบินไอพ่น ระบุแบกต้นทุน ต้องลดเที่ยวบิน

13 พ.ย. ที่กระทรวงคลัง สายการบินโลคอร์ส ยื่นคลังทบทวนภาษีสรรพสามิตเครื่องบินไอพ่น ยอมรับปีหน้ากระทบหนัก หลายสายการบินต้องหาทางลดต้นทุน จากผลขาดทุนหนัก หลังแบกรับภาระต้นทุนน้ำมัน ยอมรับต้องปรับลดเที่ยวบินในเส้นทางหลัก

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) รับหนังสือจาก
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ในฐานะตัวแทนสายการบินต้นทุนต่ำ 5 แห่ง เพื่อเสนอ “การทบทวนเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นลดลง” หลังจากรัฐบาลได้ปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไอพ่นตั้งแต่ ก.ย.62 ที่ผ่านมา จัดเก็บภาษีในอัตรา 4.726 บาทต่อลิตร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับการใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิล ยอมรับว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ได้กระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศ จำนวนผู้โดยสารจากเดิมเกือบเต็มเครื่องร้อยละ 80-100 ต่อเที่ยวบิน ได้ลดลงเหลือร้อยละ 70-80 และยังได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง กระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของต่างชาติ รวมไปถึงการแบกรับภาระต้นทุนจากการสต๊อกน้ำมันของสายการบิน

นายชาญกฤช กล่าวเพิ่มเติมภายหลังหารือร่วมกันว่า เตรียมนำความเดือดร้อนของสายการบินต้นทุนต่ำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน พิจราณาข้อเสนอในการขอลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไอพ่น จากปัจจุบัน 4.726 บาทต่อลิตร เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าค่อยทะยอยตัดสินใจจัดเก็บเหมือนเดิม หรือเลือกแนวทางเทียบเคียงกับค่าเงินบาทแบบขั้นบันได เช่น หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหว 30-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จัดเก็บในอัตราหนึ่ง และเคลื่อนไหวในระดับราคา 33-34 บาทต่อดอลาร์สหรัฐ จัดเก็บในอัตราหนึ่ง กระทรวงการคลังจึงรับข้อเสนอมาพิจารณาแนวทางดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกช่องทางหนึ่ง

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า สายการบินต้นทุนต่ำได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ยอมรับว่าเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นเส้นทางยอดนิยม แอร์เอเชียยอมแบกรับภาระภาษีแทนผู้โดยสาร 150 บาทต่อลิตร จากค่าตั๋ว 1,200 บาทต่อเที่ยวบิน ขณะนี้เริ่มแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว และไม่สามารถผลักภาระเพิ่มค่าโดยสารได้ และทุกสายการบินต้นทุนต่ำ 5 ราย ประสบปัญหาขาดทุนมากขึ้น เพราะยอดผุ้โดยสารลดลงร้อยละ 4-5 ในต้นปีหน้าอาจเห็นหลายแห่งมีปัญหามากขึ้น หลายสายการบินปรับกลยุทธ์ด้วยการลดเที่ยวบินร้อยละ 15 ในเส้นทางหลักทั้งเชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต จึงต้องเสนอรัฐบาลดูแล รวมทั้งชะลอการซื้อเครื่องบินเพิ่มในปี 63 และขอประเมินการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 แม้ว่ารัฐบาลเปิดทางให้โครงการชิมช้อปใช้เฟส 3 ได้นำค่าตั๋วเครื่องบินรวมอยู่แพ็กเกจทัวร์ สำหรับการท่องเที่ยวผ่านชิมช้อปใช้ เพื่อส่งเสริมการคนไทยท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ยังต้องช่วยเหลือผ่านอีกหลายมาตรการ เพื่อให้สายการบินดีขึ้นจากผลขาดทุนในปัจจุบัน