แนะหา’แก่นแท้พุทธ’ หลังนัดตั้งเป็น ‘ศาสนาประจำเชียงใหม่’-รณรงค์ไม่มีเหล้า/เบียร์/ซ่อง

นักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ดร.สุชาติ แนะ ชาวพุทธ หาแก่นของศาสนาที่นับถือ หลังมีหลายองค์กรในเชียงใหม่ ออกคลิปประชาสัมพันธ์เชิญร่วมงานประกาศปฏิญญาให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมให้รณรงค์ไม่ดื่มเหล้า-เบียร์ ไม่มีซ่อง ระบุ แค่ศีลหาข้อมุสลาม ยังทำไม่ได้

ตามที่กลุ่มชาวพุทธสุดโต่ง ได้นัดประกาศปฏิญญาให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำจังหวัดเชียง ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 ณ พุทธสถานเชียงใหม่ ผศ.ดร.สุชาติ เศรษฐมาลินี นักวิชาการมุสลิมด้านสังคมมนุษย์วิทยา ได้ให้ความเห็นว่า ต่อไปจังหวัดภาคใต้ก็จะได้ทะยอยประกาศศาสนาอิสลามเป็นศาสนประจำจังหวัดนั้น จังหวัดนี้ ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ใช่หรือไม่?.. อยากถามว่าบ้านเมืองเราจะอยู่กับแบบนี้หรือ?..

‘ถึงที่สุด ผมไม่มีปัญหากับการประกาศให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำจังหวัดใดๆ หรือแม้แต่แก้ไขให้เป็นศาสนาประจำชาติไทยใรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ข้องใจว่า จะทำให้เป็นเมืองพุทธตามแก่นศาสนาพุทธจริงๆ หรือเปล่า?
เพราะทุกวันนี้เห็นพวกออกมาเรียกร้องแบบนี้ มีแต่ใช้วิธีการที่ขัดกับแก่นพุทธศาสนา คือ โกหกตอแหลเหยียบย่ำบิดเบือนคำสอนศาสนาอื่น (อิสลาม) อยู่ตลอดเต็มสื่อโซเชียล (ศีลข้อ 4-มุสาวาทาฯ)’ ดร.สุชาติ กล่าว

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยังกล่าวว่า อยากเห็นว่า ถ้าประกาศพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำจังหวัดแล้ว
ช่วยกันรณรงค์เอาร้านเหล้าร้านเบีย์ รวมทั้งซ่อง-อาบอบนวดและสถานบริการทางเพศที่มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองพุทธนี้ออกไปให้หมดด้วย (จะด้วยช่วยกันรักษาศีลข้อ 3-กาเมสุ มิฉาจาราฯ และข้อ 5-สุราเมรยมัชชปมาฯ)

และที่สำคัญช่วยกันรณรงค์การหยุดปัญหาอาชญากรรม การฆ่าฟันกัน ที่มีอัตราสูงมากในประเทศไทย (ตัวเลขการฆ่ากันในไทยสูงกว่าประเทศมาเลเซีย 8 เท่า สูงกว่าสหรัฐอเมริกา และสูงกว่าในตะวันออกกลางหลายประเทศ) จะได้ช่วยกันรักษาศีลข้อ 1-ปาณาติปาตาฯ (ไม่ใช่มองแต่ตัวเลขคนตายในสามจังหวัดภาคใต้ (จชต.) แล้วยัดเยียดว่าศาสนาอิสลามสอนให้ฆ่าคน ในขณะที่แสร้งทำเป็นใบ้ไม่รู้ว่าตัวเลขคนที่ตายใน จชต. นั้น คนมุสลิมตายมากกว่าคนพุทธเสียอีก

‘ผมไม่มีตัวเลขคดีลักทรัพย์ (ละเมิดศีลข้อ 2-อทินนาทานาฯ) ในไทย แต่ก็คงไม่น้อยแน่นอน ฝากคนพุทธกลุ่มนี้ช่วยรณรงค์เรื่องนี้ด้วย ผมเห็นด้วยว่า ใครก็ตามต้องมีสิทธิ์ในการปกป้องศาสนาที่ตนนับถือซึ่งควรจะทำโดยหาแนวทางในการช่วยกันปลูกฝังและดึงให้ศาสนิกของตนได้หันกลับสู่แก่นธรรมในศาสนาของตนเอง ไม่ใช่ปกป้องศาสนาตนด้วยการวันๆ มีแต่การก้าวล่วงดูถูกเหยียบย่ำบิดเบือน อวดอ้างตนเป็นผู้รู้ในการตีความเพื่อวาดภาพปิศาจให้กับศาสนาอื่น โดยไม่หันมามองความฟอนเฟะในศาสนิกของตนเอง ไม่เคยพูดถึงแก่นศาสนาของตนเลยว่ามีความสวยงาม มีความดีงามอย่างไรเพื่อให้เยาวชนและศาสนิกจะได้นำไปปฏิบัติในวิถีชีวิตประจำวัน’

ดร.สุชาติ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า ทุกศาสนาต่างมีประวัติศาสตร์มายาวนานดังนั้น จะไม่มีใครมาทำลายศาสนาของใครได้ เว้นแต่ศาสนานิกในศาสนาของตนเองที่ไม่ใส่ใจในคำสอน ไม่เข้าถึงแก่นของคำสอนและไม่นำแก่นคำสอนไปปฏิบัติในวิถีชีวิต

‘ผมขอพูดกับคนทุกศาสนิก นะครับไม่ว่าพุทธหรือมุสลิม เลิกโทษศาสนาอื่นได้แล้วว่าจะมาทำลายศาสนาของตน
ศาสนาใดๆ ก็ตาม จะถูกทำลาย เสื่อมถอยหรืออ่อนแอจนไม่สามารถส่งต่อศาสนาของตนสู่คนรุ่นต่อไปได้ ก็เพราะความอ่อนแอของคนในศาสนิกของตนนั้นแล ไม่ใช่เพราะคนจากศาสนาอื่น’ เขา กล่าว

สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ เป็นแหล่งรวมของกลุ่มชนหลายเชื้อชาติ และศาสนา ทั้งชาวเขาหลายเผ่า ไทยล้านนา ชาวไทยเชื้อสายจีน และอีกมากมาย ได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมายาวนาน และร่วมกันสร้างจังหวัดเชียงใหม่ อย่างสนามบินเชียงใหม่ นายเล่าเจงชาติฮ่อ มุสลิมเชื้อสายจีนที่เข้ามาปักหลังที่เชียงใหม่เมื่อกว่า 100 ปีก่อน ได้บริจาคที่ดินมากกว่า 200 ไร่