สหรัฐฯ ฝรั่งเศส UN รุมประณามเมียนมา เผด็จการทหารสอยม็อบต้านดับ 2 ศพ

87

สหรัฐฯ ฝรั่งเศล และ เลขาฯสหประชาชาติ ต่างแสดงความเป็นห่วง ต่อสถานการณ์ภายในเมียนมา หลัง กองกำลังความมั่นคงใช้กระสุนจริง สังหารผู้ประท้วงเสียชีวิต2รายบาดเจ็บจำนวนมาก

วันที่ 21 ก.พ. 64 สหรัฐเป็นห่วงสถานการณ์ในเมียนมาเป็นอย่างยิ่งภายหลังจากที่มีรายงานว่า ตำรวจได้ใช้ปืนยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงจนมีผู้เสียชีวิต 2 รายเมื่อวานนี้ (20ก.พ.) รวมทั้งการควบคุม ตลอดจนข่มขู่กลุ่มผู้ประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดยนายเนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ทวีตว่า รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานข่าวกองกำลังด้านความมั่นคงพม่ายิงใส่ผู้ประท้วง ยังคงกักขังและตามราวีพวกผู้ประท้วงและคนอื่นๆ “เรายืนหยัดเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมา”

ทั้งนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายในเมืองมัณฑเลย์ เนื่องจากตำรวจและทหารได้ใช้ปืน เพื่อขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหาร นับเป็นเหตุนองเลือดที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ของการประท้วงต่อต้านรัฐประหารที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.พ.

ทั้งนี้นายไลง์ มิน อู หัวหน้าทีมอาสาสมัครกู้ภัยฉุกเฉินเมืองมัณฑะเลย์กล่าวว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 ราย และมีคนบาดเจ็บอีกประมาณ 30 คน ครึ่งหนึ่งเป็นบาดแผลจากกระสุนจริง

มีวิดีโอที่เผยแพร่ทางเฟซบุ๊กเป็นภาพเหยื่อกระสุนรายหนึ่งที่ยังเป็นวัยรุ่น นอนแผ่อยู่บนพื้น มีเลือดไหลจากศีรษะ มีใครคนหนึ่งวางมือบนอกของเขาเพื่อดูว่าหัวใจยังเต้นหรือไม่

ทั้งๆที่นายไพรซ์ได้ย้ำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึงจุดยืนในการเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างสันติ

ขณะที่นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ เขียนบนทวิตเตอร์ว่า “ผมขอประณามการใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าชีวิตในพม่า การใช้กำลังถึงตาย การข่มขู่และตามรังควานกับการประท้วงอย่างสันติ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ทุกคนมีสิทธิชุมนุมอย่างสันติ ผมเรียกร้องทุกฝ่ายเคารพผลเลือกตั้งและกลับสู่ระบอบการปกครองโดยพลเรือน”

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสออกถ้อยแถลงเช่นกัน ประณามอย่างหนักหน่วงต่อการใช้ความรุนแรงกับพวกผู้ประท้วงของกองกำลังด้านความมั่นคงพม่า “ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในมัณฑะเลย์ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้” คำแถลงระบุ

แม้ว่าจะมีการปะทะรุนแรงส่อเกิดสงครามการเมืองดังกล่าว แต่มีประชาชนกลุ่มผู้ประท้วงในสหภาพเมียนมาทั่วประเทศ ได้ลุกฮือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 100 คน ในเวลานี้ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลักแสนคน และจะเพิ่มเป็นหลักล้านคน และเหตุการณ์เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อทหาร และตำรวจได้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน แต่ประชาชนไม่กลัวและเพิ่มจำนวนขึ้น โดยออกมาเดินชูป้ายต่อต้านตามท้องถนนตามจังหวัดหรือหัวเมืองสำคัญต่างๆ ชาวบ้านต่อต้านทหารที่ปฎิวัติรัฐประหาร ไม่เอาเผด็จการยึดอำนาจ โดย พล.อ.อาวุโสมิ้นอ่องหลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าคณะปฎิวัติ ในสหภาพเมียนมา