UNHCR จับมือ สำนักจุฬาราชมนตรี ภาคเอกชน ชวนชาวมุสลิม บริจาคช่วยผู้ลี้ภัย

82

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ หรือ ‘UNHCR’ ร่วมกับสำนักจุฬาราชมนตรี ภาคเอกชน และ นักธุรกิจไทยมุสลิม ชวนกันร่วมบริจาคช่วยผู้ลี้ภัยปีที่ 4 บริจาคๆด้ที่ https://www.unhcr.or.th

วันที่ 2 เม.ย.64 สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) สานต่อโครงการ “รอมฎอนนี้เพื่อพี่น้องและทานประจำปีซะกาต” ในปีที่ 4 ร่วมกับสำนักจุฬาราชมนตรี และภาคเอกชนกับสมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม เพื่อขยายการรับรู้และร่วมระดมทุนทานประจำปีซะกาตและทานซอดาเกาะห์มอบความคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นชาวมุสลิมในเดือนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ สืบเนื่องจากปัจจุบันสงครามและความขัดแย้งส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติมากกว่าร้อยละ 1 ที่ตกเป็นผู้พลัดถิ่น

โดยผู้คนมากกว่า 79.5 ล้านคนถูกบังคับให้หนีออกจากประเทศเพื่อเอาชีวิตรอดจากการประหัตประหาร ความหวังที่หลายประเทศจะกลับคืนสู่สันติภาพยังคงริบหรี่ เช่น ในประเทศซีเรีย เยเมน อิรัก และชาวโรฮิงญาที่ลี้ภัยไปยังประเทศบังคลาเทศ ส่งผลให้ชาวมุสลิมจำนวนมากไม่มีโอกาสได้เฉลิมฉลองเดือนรอมฎอนที่จะมาถึงนี้กับครอบครัวในประเทศของตน อีกทั้งต้องถือศีลอดอย่างขาดแคลนและเปราะบางมากที่สุดท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายจูเซ็ปเป้ เด วินเซ็นทิส ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า จำนวนผู้ลี้ภัยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นสถิติที่สูงที่สุดในการทำงาน 70 ปีของ UNHCR ซึ่งทั้งผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่น และชุมชนที่มอบที่พักพิง ต้องเฉลิมฉลองเดือนอันศักดิ์สิทธิ์อย่างขัดสน ความร่วมมือและความเมตตาอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจากทุกภาคส่วนในสังคม มีความหมายมากที่สุดในขณะนี้และสามารถเปลี่ยนชีวิตผู้ลี้ภัยได้ทุกวินาที

ทั้งนี้ จากการสนับสนุนของชาวมุสลิมอย่างดีตลอดปีที่ผ่านมา โครงการรอมฎอนนี้เพื่อพี่น้องและทานประจำปีซะกาตในปีนี้ ได้ขยายความคุ้มครองแก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นที่ตรงตามคุณสมบัติที่ควรได้รับซะกาตในประเทศเลบานอน จอร์แดน มอริเตเนีย อิรัก เยเมน และบังคลาเทศ มายังประเทศไทย และในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ได้แก่ ตุรกี ไนจีเรีย อินเดีย อิหร่าน บูร์กินาฟาโซ และโซมาเลีย

นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล รองเลขานุการจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า ในขณะที่วิกฤติผู้พลัดถิ่นในหลายประเทศยังคงยืดเยื้อ วิกฤติใหม่ รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติในอีกหลายพื้นที่ทำให้ชาวมุสลิมทั่วโลกถูกบังคับให้ออกจากบ้านเกิด การมอบช่วยเหลือด้านปัจจัยพื้นฐานให้ได้ครบทุกครอบครัวและทุกคนจึงเป็นเรื่องยากที่ใครสามารถทำได้เพียงลำพัง ซึ่งตนดีใจที่เห็นการช่วยเหลือเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติมนุษยธรรมนี้ และปีนี้เราต้องช่วยกันส่งต่อทานซะกาตถึงพี่น้องผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นให้ได้อีกเกือบล้านคนให้พวกเขาได้มีโอกาสถือศีลอดอย่างที่ควร

นายดาวุทธ นาวีวงษ์พนิต รองนายกดูแลฝ่ายต่างประเทศ สมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม กล่าวเสริมว่า การเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงต้องอาศัยการพึ่งพากันและกันในสังคม ตนอยากให้ผู้ประกอบการทั้งชาวไทยมุสลิมและทุกธุรกิจหันมาตระหนักถึงการมีส่วนรับผิดชอบต่อส่วนรวม และร่วมกันสร้างสังคม การรับรู้และความเข้าใจในส่วนนี้ หรือแม้กระทั่งการช่วยระดมทุนเพื่อให้การพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจเป็นไปด้วยกันอย่างยั่งยืน และสร้างโลกของเราให้น่าอยู่ขึ้นด้วยมือของเราเอง

รายงานพิเศษเกี่ยวกับ “ทานประจำปีซะกาตเพื่อผู้ลี้ภัย” ของ UNHCR ที่จัดทำขึ้นทั่วโลกเพื่อส่งเสริมบุคคลทั่วไปและภาคเอกชนอิสลามได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับโลกระบุว่า UNHCR สามารถมอบความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศชาวมุสลิมที่เปราะบาง ซึ่งรวมถึง เด็กกำพร้า แม่เลี้ยงเดี่ยว หญิงหม้าย และผู้สูงอายุ ได้เพียง 740 คนในปี2559 ในปีแรกของโครงการฯ แต่ด้วยความร่วมมือของชาวมุสลิมทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ทานซะกาตที่บริจาคผ่าน UNHCR สามารถนำไปช่วยเหลือชีวิตผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศได้มากกว่า 1 ล้านคนในปี 2562

ซึ่ง UNHCR ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิทาบาห์ องค์กรชั้นนำทางศาสนาเพื่อให้ได้รับการรับรองระดับโลกจากนักวิชาการศาสนา (นักฟัตวา) จากประเทศอียิปต์ เยเมน โมร็อกโก มอริเตเนีย เพื่อรับรองว่า UNHCR มีคุณสมบัติในการรับทานซะกาตและสามารถมอบความช่วยเหลือนี้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม ได้แก่ผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นชาวมุสลิม ให้พวกเขาได้มีอาหารที่พอเพียง น้ำสะอาดไว้ใช้และดื่ม ที่พักพิงที่ปลอดภัย และเงินสมทบช่วยเหลือ

สำนักจุฬาราชมนตรี และสมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม ได้สนับสนุนการทำงานของ UNHCR ในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในฐานะองค์กรภาคีเพื่อมนุษยธรรม โครงการนี้จะช่วยมอบงบประมาณให้ UNHCR สามารถดำเนินงานมอบความคุ้มครองที่ทำอยู่เดิมได้ พร้อมให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นเพิ่มเติมในการตั้งรับต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดย UNHCR จะนำเงินบริจาคทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ตรงตามคุณสมบัติที่ควรได้รับภายใต้การดูแลและตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อความโปร่งใสในทุกขั้นตอนตั้งแต่การบริจาคจนถึงการให้ ซึ่งสามารถร่วมบริจาคทานของท่านได้ที่เว็บไซต์ https://www.unhcr.or.th/donate/ramadan?utm_source=pressrelease&utm_medium=referral&utm_campaign=TH_PS_TH_ramadan2021