อังกฤษเตรียมจัดพระราชพิธีพระศพเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยหมายกำหนดการต่างๆ จะเป็นไปอย่างเรียบง่าย และกำหนดให้มีผู้เข้าร่วมงานไม่เกิน 30 คนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
การสิ้นพระชนม์ของดยุคแห่งเอดินบะระนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระราชินีนาถ ซึ่งเคยตรัสถึงพระสวามีผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งว่า “ทรงเป็นพลังอันแข็งแกร่งที่ช่วยให้ข้าพเจ้ายืนหยัดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้”
แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังอังกฤษระบุว่า เจ้าชายฟิลิปทรงจากไปด้วยพระอาการสงบในเวลาเช้าวันศุกร์ (9) ณ พระราชวังวินด์เซอร์ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน และสมเด็จพระราชินีนาถทรงแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสวามีผู้เป็นที่รัก “ด้วยความเศร้าโศกยิ่ง”
รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศให้หน่วยงานราชการทุกแห่งลดธงครึ่งเสาจนถึงเวลา 8.00 ตามเวลาท้องถิ่นของวันถัดจากพระราชพิธีพระศพ และจะมีการยิงสลุต 41 นัดตามสถานที่สำคัญหลายแห่งทั่วสหราชอาณาจักรและยิบรอลตาร์ในช่วงเที่ยงของวันนี้ (10) ตามเวลาท่องถิ่น รวมเป็นระยะเวลา 40 นาที
เรือรบแห่งราชนาวีอังกฤษ ซึ่งรวมถึงเรือ HMS Diamond และเรือ HMS Montrose จะมีการยิงสลุตเพื่อถวายพระเกียรติแก่ดยุคแห่งเอดินบะระ ซึ่งทรงเคยรับราชการในกองทัพเรืออังกฤษเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และทรงดำรงพระยศต่างๆ มากมาย รวมถึงตำแหน่งจอมพลเรือ (Lord High Admiral)
สำหรับประชาชนทั่วไปได้รับคำแนะนำให้ติดตามชมพิธียิงสลุตจากที่บ้าน หรือรับชมผ่านทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์
พรรคการเมืองใหญ่ทั้งในอังกฤษ, สกอตแลนด์ และเวลส์ ได้ประกาศงดกิจกรรมหาเสียงสำหรับศึกเลือกตั้งในเดือนหน้าเป็นการชั่วคราว ขณะที่สภาสามัญชนของอังกฤษจะเปิดประชุมในวันจันทร์ (12) เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ถวายความอาลัยต่อดยุคผู้วายชนม์
สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สำนักพระราชวังอังกฤษได้ขอความร่วมมือประชาชนงดวางช่อดอกไม้และจุดเทียนที่บริเวณรั้วของพระราชวังบักกิงแฮมและตามพระตำหนักทุกแห่งทั่วประเทศ โดยผู้ที่ต้องการร่วมถวายความอาลัยสามารถลงชื่อได้ผ่านเว็บไซต์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮม และอาจบริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเจ้าชายฟิลิปทรงมีพระประสงค์ให้พิธีศพของพระองค์เป็นไปอย่างเรียบง่ายที่สุด โดยไม่ต้องมีการตั้งพระศพ (lie-in-state) ให้สาธารณชนเข้าร่วมถวายความอาลัย และให้ประกอบพิธีฝังภายในปราสาทวินด์เซอร์ซึ่งเป็นเขตพระราชฐานที่ตั้งอยู่ในมณฑลบาร์คเชอร์
ขณะเดียวกัน ผู้นำรัฐบาลทั่วโลกได้ร่วมถวายความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป โดยนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษได้กล่าวสดุดี “การใช้ชีวิตและพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่มีความโดดเด่นเหนือผู้คนทั่วไป” และการที่พระองค์ “ทรงได้รับความเคารพรักจากประชาชนทุกช่วงวัย” ทั้งในอังกฤษ, เครือจักรภพ รวมถึงในระดับนานาชาติ
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ยกย่องเจ้าชายฟิลิปว่าทรงเป็นผู้ที่ทำงานรับใช้ชาติและประชาชนชาวอังกฤษ “โดยปราศจากความเห็นแก่ตัว”
“จากการที่พระองค์ได้ปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2, ทรงยืนหยัดเคียงข้างสมเด็จพระราชินีนาถมาเป็นเวลาถึง 73 ปี และทรงใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสายตาประชาชนมาโดยตลอด เจ้าชายฟิลิปได้ทรงอุทิศพระองค์เองเพื่อประชาชนชาวสหราชอาณาจักร, เครือจักรภพ และเพื่อพระราชวงศ์อังกฤษด้วยความเต็มพระทัย”
อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเอ่ยถึงเจ้าชายฟิลิปว่าทรงทำหน้าที่พระราชสวามีแห่งควีนอังกฤษโดยปราศจากความเห็นแก่ตัวใดๆ และนับเป็นตัวอย่างให้โลกเห็นถึงความเป็นสามีที่คอยสนับสนุนภรรยาซึ่งเป็นสตรีผู้ทรงอำนาจ
นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ระบุว่ารู้สึก “เสียใจอย่างยิ่ง” เมื่อได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป และชาวเยอรมันจะไม่มีวันลืมเลือนมิตรภาพ ตลอดจนพระอุปนิสัยที่เป็นคนตรงไปตรงมาและรักษาหน้าที่ของพระองค์
ที่มา: BBC, เอเอฟพี
