อ.ประสาน นาซีฮัต กอจ.สุราษฎร์ฯ ต้องทำ4แนวทางตามนบี การงานจึงจะสำเร็จ

122

อ.ประสาน ศรีเจริญ ให้ข้อคิด กอจ.สุราษฎร์ ยกแนวทางศาสดามูฮัมมัด 4 แนวทางในการบริหารนครมีดีนะห์ การทำงานจึงจะสำเร็จ เหมือนที่นบีใช้เวลาไม่ถึง 10 ปีครอบครองนครมีนะห์ได้เบ็ดเสร็จ

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดยดร.ธงชัย ปิติเศรษฐ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าพบอาจารย์ประสาน ศรีเจริญ ประธานที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี เพื่อขอคำแนะนำการบริหารองค์กรศาสนาและร่วมรับประทานอาหาร

อาจารย์ประสาน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่จังหวัดสุราษฎร์ฯ ได้คนอย่างดร.ธงชัย มาเป็นผู้นำองค์กร แม้ท่านจะไม่ได้อยู่ในแวดวงศาสนาเป็นผู้บริหารมาแต่เดิม แต่ท่านเป็นนักธุรกิจ แต่ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องการบริหาร การปรับใช้ในส่วนที่ทานมีความชำนาญเอามาใช้งานในองค์กรศาสนาอิสลาม ก็ถือว่า เป็นมิติอันดีงาม เป็นนิมิตรหมายสำคัญ เพราะการบริหารองค์กรเป็นการบริหารเป็นคณะที่จะตองใช้หลักหลายๆหลัก เข้ามา นอกจากใช้หลักนิติศาสตร์แล้ว ยังต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ด้วย

ในศาสนาอิสลาม ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของรัฐศาสตร์ในการบริหาร ถ้าเราไปดูในหลักการศาสนา ตั้งแต่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านในประเด็นที่เกี่ยวข้องกบข้อพิพาทต่างๆ จะสอนให้ใช้หลักของรัฐศาสตร์เป็นอันดับแรก คือหลักของการตัดสินความอยู่ทีหลังสุด เพราะอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ใช้หลักของการประประนอม ถ้าสุดความสามารถก็ต้องใช้ข้อเท็จจริงว่าฝ่ายไหนมีความถูกต้อง ก็มสิทธิ์ที่จะเข้าข้างฝ่ายนั้นในการที่จะให้เขาถอนตัวออกมาจากความผิดพลาด เป็นหลักที่ใช้ในขั้นสุดท้าย

‘นักการเมืองที่เป็นการเมืองที่ฉลาด จะเอาศัตรูเป็นพวก แต่นักการเมืองที่โง่ จะเอาพวกเป็นศัตรู เป็นหลักที่เรามักจะละทิ้ง’ อาจารย์ประสาน กล่าว และว่า นบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.) ซึ่งอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)สั่งไว้ว่า ศาสนาทูตย่อมเป็นแบบฉบับที่ดีงามและเป็นแบบอย่าง ท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.)ของเราเป็นแบบอย่างในทุกมิติในโลกนี้ แม้แต่ในเรื่องครอบครัว เรื่องการคบกับคนที่เป็นศัตรูอย่างกาเฟร มุสรีกีน(คนที่นับถืออัลเลาะฮ์และนับถืออย่างอื่นด้วย)หรือยะฮูดี ก็จะใช้หลักรัฐศาสร์ในการอยู่ร่วมกัน ในที่สุดแล้ว นบีก็สามารถชนะใจฝ่ายยาฮูดีได้

การประกาศศาสนานครมาดีนะห์ นบีเดินทางมาท่ามกลางนักธุรกิจชาวยิว แลมีอำนาจทางการเงิน มีอำนาจทางเศรษฐกิจ และมีพวกมาก แต่ในเวลาไม่ถึง 10 ปี ก็สามารถเกลี้ยกล่อมให้คนเหล่านั้น เข้าใจในอัลอิสลาม ท่านได้ร่างกฎหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง เป็นรัฐธรรมนูญการปกครองมาดีะห์ ซึ่งได้ให้เสรีในการนับถือศาสนา แต่จะนับถือศษสนาใดก็ตาม หากมีศัตรูมารุกรานนครมาดีนะห์ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือในการป้องกันเมือง เพราะถือเป็นแผ่นดิน เหมือนประเทศไทยที่ครไม่ว่ามีความเชื่อใด เมื่อถูกรักรานทุกคนก็จะลุกขึ้นสู้พร้อมๆกัน แม้ความเชื่อจะไม่เหมือนกันก็ตาม

‘กติกาของการอยู่ร่วมกันที่นบีร่างขึ้นมา (ประมาณ 49 มตรา) ท่านให้เกียรติคนส่วนใหญ่ อาทิ สำหรับชาวยิวให้ยึดตามศาสนาของเขา หรือมุสลิมก็ให้ยึดตามศาสนาของพวกเขา การเริ่มต้นด้วยคำว่า ยาฮูดีเป็นการห้เกียรติคนยิว ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในมาดีนะห์ในเวลานั้น เป็นบทพิสูจน์ว่า แนวทางการเผยแพร่ศาสนาอิสลามไม่ได้ใช้ความรุนแรง ใช้ความเมตตาในการบริหาร ใช้การพูดคุยให้ยอมรับความจริง ไม่ได้ใช้อำนาจเข้าไปบังคับ แต่การที่ยิวไม่สามารถอยู่ในนครมาดีะห์ได้ มาจากสาเหตุที่ชาวยิวละเมิดข้อตกลงหรือกติกาการอยู่ร่วมกัน ตอนที่ชาวมักกะห์ยกทัพมารุกรานมาดียะห์มีชาวยิวไปอยู่ฝ่ายมักกะห์ ทำร้ายนครมาดีนะห์ ในสงครามอะห์ซาบ (คอนดัค)

‘ในนครมาดีะห์เวลานั้น มีชาวยิว 3 กลุ่ม แต่2 กลุ่มได้เข้าร่วมกับกองทัพของฝ่ายมักกะห์ ตีโอบล้อมนครมาดีนะห์ ทุกคนต้องช่วยการขุดสามเพลาะตามข้อเสนอของซัลมา ฟาเซีย ชาวเปอร์เชีย นบีก็ร่วมขุดด้วยเพื่อป้องกันเมือง นบีบอว่า ซัลมาน เป็นพวกเรา เป็นการแสดงว่า นบีให้เกียรติกับทุกคน ไม่ยึดเอาเฉพาะชาวอาหรับ ให้ความสำคัญต่อคนทำงานร่วมกันทุกฝ่าย เป็นข้อคิดความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่มีความหลากหลายเรื่องความสามารถ จะทำให้องคาพยกของเรามีพลังมีความสามารถที่หลากหลาย อย่าคิดวา คนนี้ความรู้ศาสนาน้อย คนนี้ความรู้ศาสนามาก อย่างนบีเคยเปรียบเทียบกับศาสนาต่างๆที่อัลเลาะฮ์ส่งมาว่า ท่านเหมือนอิฐก้อนหนึ่งที่ทำให้ศาสนาอิสลามมีความสมบูรณ์ เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ นบีเป็นจิ๊กซอว์สุดท้าย ตรงนี้สำคัญ เพราะไม่มีใครที่เป็นหัวหน้าแล้วรู้ทุกอย่าง อย่างเรียนหมอ ก็ยังมีแพทย์เฉพาะทาง’ อาจารย์ประสาน กล่าว

อาจารย์ประสาน กล่าวว่า ได้เห็นกอจ.สุราษฎร์ฯมาหลายสมัย มาถึงสัยนี้ก็มีการผสมผสานกันระหว่างคนเก่ากับคนใหม่ ซึ่งอาศัยการปรับตัว เหมือนที่นบีบริหารนครมีดีนะห์ใช้เวลา 10 ปี ก็ไม่มีชาวยิวอยู่ในมาดีนะห์ ไม่ได้ถูกขับไล่ แต่เป็นการออกไปเพราะพวกเขาทำผิดกติกา นครมาดีนะห์จึงเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ชาวยิวจะกลับเข้ามาคอบครองอีกครั้ง เพราะเขาถือว่า เป็นดินแดนของพวกเขาเหมือนกัน เพราะเขาเคยอยู่

ที่อยากจะบอก นบีไม่ใช่อยู่ๆ ได้รับชัยชนะ แต่ท่านได้สร้างอะไรหลายอย่าง
1.สร้างจุดศูนย์รวมก่อน คือสร้างมัสยิดเป็นจุดศูนย์รวม มาถึมาดีนะห์ บ้านยังไม่มีแต่สร้างมัสยิดก่อน
2.สร้างความสัมพันธ์ระว่างคน 2 กลุ่ม คือชาวมักกะห์ (ฒูฮายีรีน)ที่อพยพมากับชาวมาดีนะห์ (ชาวอัลศอร) ชาวมักกะห์ที่อพยพมา มาตัวเปล่า ไม่ทรัพย์สินใดๆ แต่มีความรู้ มีความชำนาญด้านการค้า แต่ชาวอันศอร เป็นคนที่มีฐานะ มีทรัพย์สินมาก สิ่งที่นบีทำ คือสร้างความเป็นปึกแผ่นของคน 2 กลุ่มที่เป็นมุสลิ่มด้วยกัน
3.สร้างความร่วมมือกันคนที่มีความเชื่อต่างกันคือ มุสลิมกับชาวยิว โดยการสร้างกติกาการอยู่ร่วมกัน
4.สร้างความแข็งแกร่งให้กับคนมุสลิมในทุกด้าน ทั้งการศึกษา ด้านกำลัง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการบริหาร ด้านอาวุธ ทุกวิชาการ ตามที่กุรอ่าน กล่าวว่า สูเจ้าจงสร้างพลังให้แข็งแกร่งขึ้น

‘4 อย่างที่นบีทำ ภายในไม่ถึงเวลา 10 ปี มุสลิมครองนครมาดีนะห์ คือต้องสร้างจุดศูนย์รวมให้ได้ สร้างความรักความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมุสลิมด้วยกัน สร้างกติกาการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม และสร้างคนของเรา เยาวชนของเราให้มีความรู้ความสามารถ

‘ฝากกับอิหม่าม ฝากกับพวกเราทุกว่า เราจะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย การร่วมมือกันคือพลัง ถ้าเราสร้างความร่วมมือไม่ได้ เราก็จะเสียใจ เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับชาวปเลสไตน์ที่เราขาดความร่สมมือด้วยกันเอง’ อาจารย์ประสาน กล่าว