เชื้อราที่เท้ารักษา ได้ไม่ยากหากรู้วิธีการที่ถูกต้อง โรคนี้พบได้บ่อยในคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องสวมรองเท้าเป็นเวลานาน หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เชื้อราที่เท้ามักแสดงอาการด้วยผิวหนังแตก คัน แดง และบางครั้งมีตุ่มน้ำเล็กๆ ระหว่างนิ้วเท้า
การรักษาด้วยยาทาเฉพาะที่
เชื้อราที่เท้ารักษาด้วยยาต้านเชื้อราได้หลายรูปแบบ ทั้งครีม โลชั่น สเปรย์ หรือแป้งทาเท้า ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์เช่น คลอทริมาโซล ไมโคนาโซล หรือทอลนาฟเทต ควรใช้ตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และใช้ติดต่อกันจนกว่าอาการจะหายสนิท แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
การดูแลสุขอนามัยของเท้า
นอกจากการใช้ยา การรักษาความสะอาดก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า สวมถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน และหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่อับชื้น หากเป็นได้ควรสลับรองเท้าหลายคู่เพื่อให้แต่ละคู่แห้งสนิทก่อนใส่ซ้ำ
การรักษาด้วยยารับประทาน
ในกรณีที่เชื้อราที่เท้ารักษาด้วยยาทาไม่หาย หรือมีการติดเชื้อรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยารับประทานเพื่อกำจัดเชื้อราจากภายใน ยาเหล่านี้เช่น ฟลูโคนาโซล หรือ เตอร์บินาฟีน จะช่วยทำลายเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อาจมีผลข้างเคียงบางประการ จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ระยะเวลาในการรักษา
เชื้อราที่เท้ารักษาให้หายขาดได้ แต่ต้องใช้เวลาและความอดทน เนื่องจากเชื้อรามักเติบโตช้าๆ การรักษาอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนจึงจะเห็นผล โดยเฉพาะในกรณีที่มีการติดเชื้อที่เล็บเท้าร่วมด้วย ซึ่งจะต้องรอให้เล็บใหม่งอกขึ้นมาแทนที่เล็บที่ติดเชื้อ
การป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
การป้องกันไม่ให้เชื้อรากลับมาเป็นซ้ำก็มีความสำคัญไม่แพ้การรักษา เชื้อราที่เท้ารักษาหายแล้วก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้ หากยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญของเชื้อรา ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในพื้นที่สาธารณะที่เปียกชื้น เช่น สระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำรวม หรือห้องแต่งตัวในฟิตเนส
สรุปแล้ว เชื้อราที่เท้ารักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยาอย่างถูกวิธีร่วมกับการดูแลสุขอนามัยที่ดี การรักษาต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม และที่สำคัญคือการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ ด้วยการรักษาความสะอาดและความแห้งของเท้าอยู่เสมอ
