สายสัมพันธ์ 2 ทศวรรต ‘ทักษิณ-ฮุน เซน’ สู่ความขัดแย้งรุนแรง ละครหรือเรื่องจริง

สายสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา (และปัจจุบันยังมีอิทธิพลสูงในฐานะ “ประธานที่ปรึกษารัฐบาล”) เป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและมีมิติมาก ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และส่วนตัว ซึ่งส่งผลต่อพลวัตระหว่างสองประเทศตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่มาขัดแย้งอย่างรุนแรง ด้วยเหตุผลใด
.
สรุปสายสัมพันธ์ “ทักษิณ – ฮุน เซน”
ด้าน รายละเอียด
ส่วนตัว / มิตรภาพ ฮุน เซน เรียกทักษิณว่า “เพื่อนที่ใกล้ชิด” และเคยกล่าวว่า “นับถือเขาอย่างสูง”
การเมือง ฮุน เซนสนับสนุนทักษิณในหลายช่วง เช่น ในช่วงทักษิณลี้ภัยหลังรัฐประหาร 2549 กัมพูชาประกาศแต่งตั้งเขาเป็น “ที่ปรึกษารัฐบาล” ในปี 2552
ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มีข่าวลือว่า ทักษิณมีเครือข่ายธุรกิจในกัมพูชา โดยเฉพาะเหมืองแร่ โทรคมนาคม และคาสิโนผ่านพันธมิตรคนสนิท
ท่าทีทางการทูต ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ (2551–2554) ตึงเครียดมาก โดยเฉพาะเมื่อฮุน เซนแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาและไม่ส่งตัวกลับ แม้ไทยร้องขอผ่าน Interpol
ช่วงสงครามปราสาทพระวิหาร (2010–2011) มีการกล่าวหาว่าทักษิณอาจเป็นตัวแปรในเบื้องหลังความขัดแย้ง โดยมีนักวิชาการบางคนตั้งข้อสังเกตว่า “ความใกล้ชิด” ของเขากับฮุน เซนอาจเอื้อต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือการเมืองระหว่างประเทศ

เหตุการณ์เด่นที่สะท้อนสายสัมพันธ์
ปี 2552
ฮุน เซนแต่งตั้งทักษิณเป็น “ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา”
ไทย (รัฐบาลอภิสิทธิ์) ประกาศถอนเอกอัครราชทูตกลับประเทศทันที
กัมพูชาตอบโต้โดยไล่ทูตไทยออก

ปี 2553
ทักษิณเดินทางไปกัมพูชาอย่างเปิดเผยหลายครั้ง
ไทยออกหมายจับผ่าน Interpol แต่กัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ โดยฮุน เซนประกาศ “จะไม่มีวันส่งเพื่อนให้ศัตรู”
ปี 2554
ความขัดแย้งเรื่องพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารรุนแรง ท่ามกลางความสงสัยเรื่องเบื้องหลังทางการเมืองระหว่างประเทศ

ปี 2566–2567
หลังพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลโดยมี “แพทองธาร ชินวัตร” (บุตรสาวทักษิณ) เป็นนายกรัฐมนตรี
มีรายงานว่าฮุน เซนส่งข้อความแสดงความยินดี และแสดงความพร้อมจะร่วมมือกับรัฐบาลใหม่

ปี 2567–2568
ทักษิณพบกับฮุน เซนแบบไม่เป็นทางการหลายครั้ง รวมถึงในโอกาสพิธีครบรอบความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
สื่อวิเคราะห์ว่าความสัมพันธ์นี้ “กลับมาเบ่งบาน” และอาจส่งผลต่อท่าทีทางการเมืองและการค้าระหว่างสองประเทศ

มุมมอง/ข้อวิจารณ์
ฝ่ายสนับสนุน: มองว่าสายสัมพันธ์นี้ช่วยเปิดประตูการค้า การลงทุน และสันติภาพ
ฝ่ายวิจารณ์: มองว่าเป็น “การเมืองส่วนตัวที่ล้ำเส้นผลประโยชน์ชาติ” โดยเฉพาะกรณีทักษิณมีสถานะผู้ต้องหาหลบหนี

ก่อนหน้านี้ ไม่มีสัญญาณถึง “ความขัดแย้งรุนแรง” ระหว่างทักษิณกับฮุน เซน แต่มี “ช่วงที่ความสัมพันธ์ลดระดับ” หรือ “เกิดแรงเสียดทานอ้อม” ตามบริบททางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนผ่านอำนาจทั้งคู่ยังคงแสดงออกในที่สาธารณะว่า “นับถือและเชื่อใจกัน”

อย่างไรก็ตาม สายสัมพันธ์ที่ยาวนาน 2 ทศวรรตได้สิ้นสุดลง หลังฮุน เซน เผยแพร่คลิปการสนทนาระหว่าง ฮุน เซน กับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตอนนั้น และนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 จนถึงกลางปี 2568 สายสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร และ สมเด็จ ฮุน เซน ซึ่งเคยใกล้ชิดดั่ง “พี่น้องร่วมสาบาน” ได้เปลี่ยนมาเป็นการเผชิญหน้าในรูปแบบความขัดแย้งที่เปิดเผย

เหตุการณ์สำคัญ – จุดเริ่มเลวร้าย
ศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2568 ฮุน เซน ปราศรัยสดต่อสมาชิกสภาท้องถิ่นที่พระวิหาร เปิดเผยว่าเขาเคยช่วยเหลือตระกูลชินวัตรหลายครั้ง แต่กลับถูก “ทรยศ” และกล่าวหาว่า ทักษิณแกล้งป่วย (ป่วยทิพย์) เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย โดยสวมปลอกคอ เฝือกถ่ายรูป จากนั้นก็ถอดออกทันที

ฮุน เซน ยังขู่ที่จะ “เปิดแผนลับของทักษิณ” ที่เกี่ยวข้องกับการชิงแผนเปลี่ยนผู้นำไทย และกล่าวหาว่าแพทองธาร (ลูกสาวของทักษิณ) ขาดคุณธรรม และเป็นสาเหตุสำคัญของการแตกหักในมิตรภาพกว่า 30 ปี

ต่อมา 9 กรกฎาคม 2568 ทักษิณ เปิดใจว่า รู้สึก “ช็อก” และ “เจ็บใจ” หลังจากรู้ว่าถูกอัดเทปโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการเจรจาอย่างไม่ต่อหน้า พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจว่า “เคยเป็น… แม้ทำลูกผมขนาดนี้”

เรียงลำดับวิวาทะและข้อพิพาท
เวลา/ปี เหตุการณ์หลัก ธีมและถ้อยคำสำคัญ
มิ.ย. 2568 ฮุน เซน ปราศรัยเปิด “แฉ” กล่าวหาทักษิณ “ป่วยการเมือง”, ขู่เปิดแผนลับ, เสียดายมิตรภาพ 30 ปี

ก.ค. 2568 ทักษิณ ออกโรงเปิดใจ “เคยเป็น… แม้ทำลูกผมขนาดนี้” แสดงความเสียใจที่ถูกทรยศ

ความหมายเชิงสัญญะ —จากเพื่อนสู่ศัตรู?
การเปิดแฉทางการเมือง: การที่ฮุน เซนกล่าวหาว่าทักษิณ “แกล้งป่วย” และเตือนถึงแผนลับเพื่อเปลี่ยนผู้นำไทย เสียความน่าเชื่อถือในระดับมืออาชีพ และสร้างแรงสั่นสะเทือนในเวทีภูมิรัฐศาสตร์

การถูกทรยศที่เป็นเรื่องของเกียรติและเครดิต: ทักษิณยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าเรื่องคดีใด ๆ เพราะเป็นการทำลายความผูกพันที่เคยมีกับคนที่เคยเรียกว่า “พี่น้องร่วมสาบาน”

ความเกี่ยวโยงกับการเมืองปัจจุบัน: คลิปเสียงระหว่างพล.อ.แพทองธารกับฮุน เซนถูกเผยแพร่ สร้างวิกฤตการเมืองในไทยนำไปสู่ข้อกล่าวหาการทรยศต่อชาติและบั่นทอนอำนาจของรัฐบาลเครือชินวัตร

ข้อสรุป
ความขัดแย้งครั้งนี้สะท้อนถึง การเสื่อมถอยของสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่เคยใกล้ชิด และแปรเปลี่ยนเป็นด่านทดสอบทางอำนาจ การเมือง และเครดิตทางสาธารณะ

เป็นตัวอย่างของความเปราะบางในมิตรภาพของผู้นำระดับภูมิภาค ที่สถานการณ์ทางการเมืองและประเด็นผลประโยชน์สามารถทำลายความไว้ใจได้อย่างรวดเร็ว แต่แม้จะดูเหมือนมีความขัดแย้งรุนแรง แต่สังคมไทย ก็ยังไม่เชื่อนักว่า เป็นความขัดแย้งที่แท้จริงหรือเป็นเพียงละครที่ซ่อนอะไรไว้เบื้องหลัง