กองทัพนำหลักฐาน’วางกับระเบิด-การยิงถล่มพลเรือน’เสนอทูต-นักข่าวต่างประเทศ

ไทยนำหลักฐานการวางกับระเบิด-การยิงถล่มพลเรือนเสนอต่อทูต-นักข่าวต่างประเทศ
.
พันเอก พัฒนา พันธุ์มงคล ผู้แทนกรมข่าวทหารบก กล่าวชี้แจง ต่อ เอกอัครราชทูต 3 ประเทศ คือ บรูไน ญี่ปุ่น เมียนมา อุปทูต 2 ประเทศคือ มาเลเซีย สปป.ลาว และ ผู้แทนทางการทูตระดับต่าง ๆ 6 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย สหรัฐฯ สิงคโปร์ จีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์

และทูตทหาร รวม 23 ประเทศ เช่น จีน มาเลเซีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย สิงคโปร์ อินเดีย แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์

พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศรวม150คน เช่น Agencia EFE, AFP, Asahi Shimbun, CNN, CCTV, CMG, NHK, Reuters, Xinhua

โดยได้นำข้อมูลชี้แจงต่อบรรดาเอกอัคราชทูตอุปทูต ผู้ช่วยทูตทหาร ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นกัมพูชายั่วยุสร้างสถานการณ์ตั้งแต่ต้น เริ่มด้วยการร้องเพลงปลุกใจที่ปราสาทตาเมือนธม การรุมล้ำดินแดนไทย ที่ช่องบก จนนำไปสู่การปะทะขนาดขนาดเล็ก 28 พฤษภาคม 2568 ทหารกัมพูชายิงก่อนฝ่ายไทยจึงต้องยิงตอบโต้ในสัดส่วนที่เหมาะสม
.
ต่อมามีการวางทุ่นระเบิดสังหาร PMN2 ที่ช่องบก ทำให้ทหารไทยเสียขาไป2 นาย ถือว่าละเมิดอนุสัญญาออตตาวา โดยพบมีการใช้ทุนระเบิดสังหารบุคคลในการสู้รบ 24-28 กค.2568 และยังคงวางสนามทุ่นระเบิดอยู่ในพื้นที่

ทหารกัมพูชามีพฤติกรรม ยิงจากเขตพลเรือนและใช้ประชาชนเป็น โล่มนุษย์ ยังใช้ อาวุธหนัก ใส่ เป้าหมายพลเรือน อย่างจงใจ ทั้งโรงพยาบาลโรงเรียน ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และหมู่บ้าน ส่งผลให้ประชาชนคนไทยและเด็กเสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก
.
เมื่อมีการลงนามหยุดยิง กัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการใช้อาวุธยิงฝ่ายไทยต่อเนื่องอีก2 วัน ใน6 จุด มีการเพิ่มกำลังตามแนวชายแดน และใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ล้ำเข้ามาในเขตไทยเพื่อสอดแนม


.
กองทัพบก ยังระบุว่า กัมพูชาได้ปล่อยข่าวปลอม สร้างความเกลียดชังและยั่วยุฝ่ายไทย มีการกล่าวหาไทยใช้อาวุธเคมี โดยเอาภาพเก่าสมัยดับไฟป่าที่แคลิฟอร์เนียมาเผยแพร่ว่า ไทยใช้ระเบิด MK 84 ที่เป็นระเบิดเก่า ยุคสงครามเวียดนาม แต่เอามาใส่ร้ายไทยว่า ใช้คลัสเตอร์ บอมบ์

กองทัพบก ระบุว่า การใช้เครื่องบินรบโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารและที่บัญชาการและยิงอาวุธ ใส่ประเทศไทย ในสัดส่วนที่เหมาะสม


.
ลำดับเหตุการณ์

1. ลำดับเหตุการณ์และข้อเท็จจริงฝ่ายกัมพูชาดำเนินการยั่วยุตั้งแต่ต้นปี 2568 ผ่านกิจกรรมทั้งทางทหารและพลเรือน ได้แก่ การพานักท่องเที่ยวร้องเพลงปลุกใจในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม (13 ก.พ.), การเผาศาลาตรีมุข (28 ก.พ.), การดัดแปลงภูมิประเทศแนวชายแดนเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร (มี.ค.–เม.ย.), การเสริมกำลังและยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดน (เม.ย.–พ.ค.) รวมถึงการลักลอบขุดคูติดต่อในเขตไทย และการวางทุ่นระเบิด PMN-2 ทำให้ทหารไทยขาขาด 2 นาย และบาดเจ็บอีกหลายราย ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ ยังมีการส่งมวลชนและทหารในเครื่องแบบ-นอกเครื่องแบบมาจัดกิจกรรมยั่วยุในพื้นที่ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ทำให้เกิดการปะทะกับคนไทยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ฝ่ายไทยจึงใช้มาตรการควบคุมชายแดน โดยการล้อมรั้วลวดหนามเพื่อป้องกันการบุกรุก แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงยกระดับการโจมตี โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยก่อนบริเวณปราสาทตาเมือนธม

ก่อนจะยกระดับ ความรุนแรง ขยายเป็นการใช้ปืนใหญ่และจรวด BM-21 โจมตีเป้าหมายพลเรือนลึกเข้าไปในประเทศไทย เช่น รพ.พนมดงรัก ปั๊มน้ำมันบ้านผือ ร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน และบ้านเรือนในสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี มีผู้บาดเจ็บ 15 ราย เสียชีวิต 36 ราย (รวมเด็ก 1 คน) และต้องอพยพมากกว่า 150,000 คน

ฝ่ายไทยจึงตอบโต้ภายใต้หลักการป้องกันตนเอง (ตามArticle 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ) อย่างจำเป็นและได้สัดส่วน โดยมีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายกัมพูชายิงจากเขตพลเรือนและใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์

2. สถานการณ์ปัจจุบัน
หลังการเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 ฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงต่อเนื่อง โดยในช่วงหลังเที่ยงคืนได้บุกรุกพื้นที่ 6 จุด ได้แก่ Chong Bok (อุบลราชธานี), Sam Tae, Pha Mor E Daeng, Phu Ma Khua/Khanmar, Phlan Yao (ศรีสะเกษ), และปราสาทตาควาย (สุรินทร์) โดยการละเมิดยังดำเนินต่อถึงวันที่ 30 ก.ค. เวลา 05.10 น. ตามภาพหลักฐาน

ล่าสุด วันที่ 31 ก.ค. 68 พบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังตามแนวชายแดน และใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ล้ำเข้ามาในเขตไทยเพื่อสอดแนม ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ที่บ่งชี้ถึงความไม่จริงใจในการเคารพข้อตกลงหยุดยิง

3. การตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนหลายประเด็น ได้แก่ (1) กล่าวหาว่าไทยรุกรานและละเมิดอธิปไตย ซึ่งไทยยืนยันว่าปฏิบัติตาม Article 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด และมีสิทธิตอบโต้ด้วยความจำเป็นและได้สัดส่วน

(2) กล่าวหาไทยใช้ระเบิดเคมี ซึ่งเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง ไทยไม่มีการใช้หรือครอบครองอาวุธเคมี การอ้างภาพระเบิดเคมี เป็นภาพจากเหตุการณ์ดับไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 2022 (3) กล่าวหาว่าไทยใช้ F-16 และอาวุธหนักเพื่อโจมตี ซึ่งไม่เป็นความจริง อาวุธทุกชนิดที่ใช้เพื่อการป้องกันตนเองและใช้เฉพาะเป้าหมายทางทหาร

(4) กล่าวหาไทยทิ้งระเบิด MK-84 ใส่บ้านเรือนประชาชน โดย CMAC ของกัมพูชานำเสนอภาพเก่าและอ้างว่าเป็นของไทย ทั้งที่เป็นวัตถุระเบิดเก่าสมัยสงครามเวียดนาม

ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างสิ้นเชิง และขอให้กัมพูชาหยุดเผยแพร่ข้อมูลเท็จ พร้อมเชิญชวนให้ร่วมมือกับไทยและประชาคมโลกเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี

(5) ไทย. ขอยืนยันว่าเหตุปะทะครั้งนี้เกิดจากการโจมตีก่อนของฝ่ายกัมพูชา โดยใช้อาวุธระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ทั้งที่มีการเจรจาหยุดยิงแล้ว ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงและปล่อยข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบ ไทยขอให้ประชาคมระหว่างประเทศติดตามสถานการณ์อย่างเข้าใจ และร่วมผลักดันให้เกิดการเจรจาแบบทวิภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาภายใต้หลักสันติวิธี

#cambodianhair
#CambodiaFakeNewsMaker
#TruthFromThailand
#cambodiaagainstottawatreaty
#CambodiaUseLandmines