จุฬาราชมนตรีมอบโฉนดที่ดิน 3 ฉบับแก่มัสยิดจังหวัดอ่างทอง สะท้อนความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ-คณะกรรมการอิสลามในการร่วมพัฒนาชุมชน
วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ณ มัสยิดนูรุ้รเราะฮ์ฮีม หมู่ที่ 2 ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทอง นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดในจังหวัดอ่างทอง โดยมี นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานที่ปรึกษาโครงการการออกฉโนดที่ดินให้มัสยิดทั่วประเทศ ในดำริของจุฬาราชมนตรีฯ นายประสาน ศรีเจริญ ประธานที่ปรึกษาคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี, นายณรงค์เดช สุขจันทร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, นายธงชัย ปิติเศรษฐ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพีรพจน์ เมธาพงศ์บริบูรณ์ หัวหน้าโครงการการออกฉโนดที่ดินให้มัสยิดทั่วประเทศ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง, พ.ต.อ.ฟารุค มณีวงศ์, รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง, ปลัดจังหวัดอ่างทอง, หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดอ่างทอง, นายอำเภอไชโย, ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กล่าวต้อนรับจุฬาราชมนตรีและคณะว่า ขอขอบคุณที่ได้ให้ความสำคัญในการสนับสนุนและดำเนินงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมัสยิดที่ได้รับเอกสารสิทธิในที่ดินอย่างเป็นทางการนั้น เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดอ่างทอง และชุมชนมุสลิมที่ได้ดำเนินการด้วยความเข้าใจและความตั้งใจแน่วแน่ เพื่อผลักดันให้เกิดความมั่นคงทางกฎหมายและความยั่งยืนในการบริหารจัดการทรัพย์สินของศาสนา ทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมืออันแน่นแฟ้น พิธีมอบโฉนดที่ดินแก่มัสยิดในครั้งนี้ จึงถือเป็นวาระสำคัญที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการส่งเสริมบทบาทของมัสยิดในฐานะศูนย์กลางแห่งศรัทธาและการพัฒนาชุมชน

หลังจากนั้่น นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรีได้มอบโฉนดที่ดินจำนวน 3 ฉบับ และเกียรติบัตรแก่ผู้มีอุปการคุณให้กับมัสยิด โดยโฉนดที่ดินจำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย
1.โฉนดที่ดิน ที่ตั้งมัสยิดนูรุ้รเราะห์ฮีม เลขที่ 17032 หมู่ 2 ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทอง พื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน 39.7 ตารางวา รับมอบโดย นายจิรัฐ หวังสะและฮ์
2.โฉนดที่ดิน ที่ตั้งกุโบร์ของมัสยิดนูรุ้รเราะห์ฮีม เลขที่ 17037 หมู่ 1 ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทอง พื้นที่ 7 ไร่ 3 งาน 13.6 ตารางวา รับมอบโดย นายกฤษดา นาคประวิต
3.โฉนดที่ดิน ที่ตั้งมัสยิดอัลยุสรอสามัคคี เลขที่ 17037 หมู่ 1 ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทอง พื้นที่ 78 ตารางวา รับมอบโดย นายบุญเสริม หนูทอง
และมอบเกียรติบัตรให้ผู้ให้การสนับสนุนการออกโฉนดที่ดินและสนับสนุนกิจกรรมมัสยิดทั้ง 2 แห่งด้วย
สำหรับการออกโฉนดที่ดินมัสยิดในจ.อ่างทองเกิดจากการหารือระหว่างนายพีรพจน์ ในฐานะหัวหน้าโครงการออกโฉนดที่ดินฯ กับนายกฤษฎา นาคประวิตร รองประธานคณะกรรมอิสลามประจำจังหวัดอ่างทอง ด้วยดำเนินงานของประภัสร์ รื่นภาคเพ็ชร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอ่างทอง ที่ออกรังวัดด้วยตัวเอง ทำให้การออกโฉนดสำเร็จรวดเร็ว

จุฬาราชมนตรี กล่าวว่า เป็นอีกวันหนึ่งที่พวกเรามีความปราบปลื้มยินดี ตั้งแต่อดีตมัสยิดแห่งนี้ได้ก่อสร้างขึ้นมา ก้อนอิฐทำโดยชาวมอญ ช่างก่อสร้าง ควบคุมการก่อสรางโดยชาวจีน เราจะเห็นได้ถึงความเป็นพหุสังคมที่มีมาช้านานแล้วในสังคมไทย ซึ่งก็มีมาตั้งแต่กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธนา และกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ได้พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน ด้วยความร่มเย็น ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ดูแลทุกศาสนาโดยเท่าเทียมกัน คนไทยไม่ว่านับถือศาสนาใด ก็สามารถดำรงอยู่อย่างมีความสุข
‘มัสยิดทั้ง 2 แห่ง เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของหลายฝ่าย จึงทำให้มีวันนี้ ทั้ง 2 แห่งได้รับโฉนดที่ได้ โดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าพนักงานที่ดินที่ได้เสียสละ ดำเนินการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจและความร่วมมือของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นส่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง และคิดว่า ทุกจังหวัดก็คงให้ความร่วมมือให้การสนับสนุน เพราะการวากั๊ฟหรือการมอบที่ดินให้มัสยิด คนในสมัยก่อนมอบให้มัสยิดแต่ไม่ได้มีโอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้มีปัญหาตามมามากกว่า เมื่อผู้ว่าวากั๊ฟท่านแรกเสียชีวิต ตามกฎหมายก็ต้องตกเป็นมรดก ผู้จัดการมรดกก็จะมาดูแลที่ดิน แต่หากปล่อยต่อไปก็จะมีปัญหาซัฐซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่หากมอบให้กับมัสยิดแล้ว มัสยิดก็จะได้ครอบครองและใช้ประโยชน์จากที่ดินิย่างเต็มที่ ซึ่งทางการก็ได้ลดภาษีการโอนที่ดินเป็นการลดภาระให้แก่มัสยิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ราชการส่งเสริมให้มีการโอนที่ดิน’ จุฬาราชมนตรี กล่าว

จุฬาราชมนตรี กล่าวด้วยว่า จ.สุราษฎร์ธานี เป็นอีกจังหวัดหนึ่ง ที่นำโดยนายธงชัย ปิติเศรษฐ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ได้เป็นผู้ริเริ่มโครงการรับโอนที่ดินให้กับมัสยิด และหลายจังหวัดก็ได้เริ่มโครงการ โดยคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยได้ส่งเสริมและยินดีออกค่าธรรมเนียมในการโอนให้มาเป็นของมัสยิดหากมีการร้องขอเมื่อมีข้อติดขัด
‘สิ่งที่เราได้เห็นในวันนี้ได้สร้างความประทับใจ อิ่มเอมใจให้กับพวกเราทุกคน’ นายอรุณ บุญชม กล่าวในที่สุด
นายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรมว.มมหาดไทย กล่าวว่า เราได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับมัสยิดมานาน โดยคุณพีรพจน์ ร่วมกับเจ้าพนักงานที่ดินหลายจังหวัด แต่ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ พ่อแม่ยากให้มัสยิด แต่ลูกไม่ให้ แต่ด้วยความพยายามของคณะทำงานและความพยายามของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่าย จึงสามารถดำเนินการได้สำเร็จ จะเห็นว่า หลายครั้งต้องทำงานด้วยความยากลำบากต้องเสียสละ โดยบไม่มีค่าตอบแทน ซึ่งถือเป็นสิ่งดีงามที่ได้ทำ และขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ

ด้านนายประสาน ศรีเจริญ ประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี ได้กล่าวให้ข้อคิดในที่ดินวากั๊ฟ ที่ถือว่า มีความสำคัญ เพราะเมื่อมีการวากัฟหรือบริจาคแล้ว ก็เป็นที่ดินของอัลเลาะฮ์ คณะกรรมการมัสยิดจึงเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของอัลเลาะฮ์ให้ดี อย่าได้ละเมิด

‘สิ่งที่ทำให้ชีวิตคนวิบัติ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คือไม่เจริญในโลกนี้และมีความยากลำบากในวันอาคีเราะห์ คือ การรับปากสิ่งที่คนตายมอบหมายและไม่ทำตามที่รับปาก การไม่ดูและรักษา คือ โกงที่ดินวากัฟ เด็กกำพร้า และรวมถึงคนที่มีตำแหน่งหน้าที่แต่ไม่ทำหน้าที่ด้วย’ นายประสาน กล่าว หลังจากนั้นได้กล่าวดุอา และนำ ซอลาวาตนบี(ซ.ล.) เป็นอันเสร็จพิธี







