รู้ทันความรัก รู้ทันอารมณ์ตัวเอง

454

รู้เท่าทันความรัก

คนบางคนเสียคนเพราะรักคนบางคน บางสิ่งบางอย่างมากจนเกินไป ทั้งชีวิตทุ่มเทให้กับคนนั้นหรือสิ่งนั้นมากเกินไป คนเรารักมากสิ่งที่ตามมาคือหวังมาก และสิ่งที่จะตามมาอีกคือผิดหวังมากถ้าความรักไม่สมหวัง ความรักในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงความรักในทุกๆ เรื่อง เช่น คนบางคนรักลูกมากเกินไป ตามใจจนเสียคน บางคนรักงานมากเกินไปจนเสียชีวิตครอบครัว คนบางคนรักการพนันมากเกินไป จนทำให้เสียทั้งทรัพย์และเสียอนาคต คนบางคนรักตัวเองมากเกินไปจนทำให้เสียสถานภาพความเป็นสมาชิกของสังคมไป ฯลฯ

ดังนั้น การรู้เท่าทันความรักคือ การที่เรารู้ว่าถ้าเรารักคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเกิดผิดหวังขึ้นมาเรารับได้หรือไม่ ถ้ารับไม่ได้ก็ต้องพยายามลดระดับของความรักนั้นลงบ้าง หรืออาจจะดูตัวอย่างคนที่เคยผิดหวังในเรื่องนั้นๆมาแล้ว เป็นเครื่องเตือนสติ

รู้เท่าทันความโลภ

สังคมแห่งวัตถุนิยมในปัจจุบันทำให้คนเราขาดสติรู้เท่าทันจิตใจโดยเฉพาะความโลภของตัวเองบ่อยครั้งและมากขึ้นเรื่อยๆ ความโลภไม่ใช่ให้รู้สึกเฉยๆต่อการได้มาซึ่งสิ่งต่างๆ แต่ถ้ารู้สึกอยากมากเกินไป อยากได้ อยากมีเงินทองสิ่งของที่ไม่ควรจะได้ นี่แหละเราเรียกว่าความโลภ แต่ถ้าเราขยันทำงานเพื่อให้ได้เงินมามากๆ ก็ถือว่าไม่ใช่ความโลภ แต่ถ้าทำงานเสียจนร่างกายทรุดโทรม ทำงานเสียจนลืมครอบครัว นี่แหละถือว่าเข้าข่ายความโลภได้เหมือนกัน คนสมัยนี้มักจะอยากจะได้อะไรที่เกินตัว เช่น เพิ่งทำงานได้เพียงปีสองปีอยากจะมีรถเหมือนคนอื่นเขาทั้งๆที่เงินเดือนแต่ละเดือนยังไม่พอกินเลย คนทำงานบางคนโลภมากอยากได้ผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้จากอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในหน้าที่การเงิน

ดังนั้น การรู้เท่าทันความโลภคือการรู้จักประมาณตัวเองว่าอะไรควรได้จากการทำงานของตัวเอง อะไรไม่ควรได้ อะไรได้มาอย่างถูกต้องเหมาะสม อะไรที่ได้มาแล้วอาจจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน วิธีการรู้เท่าทันความโลภคือการถามตัวเองอยู่เสมอว่าแค่นี้พอหรือยังสำหรับชีวิตของเรา สิ่งนั้นสิ่งนี้เราควรได้หรือไม่ควรได้ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับหนทางที่จะรู้เท่าทันความโลภ

รู้เท่าทันความโกรธ

ความโกรธเป็นคุณสมบัติประจำตำแหน่ง “คน” ทุกคนมีหมดแต่จะต่างกันตรงที่ใครมีมากมีน้อย ใครควบคุมความโกรธให้แสดงออกมามากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง คนบางคนเสียคนเพราะความโกรธ อาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากงาน แล้วก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้ตกงานโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไตร่ตรองไว้ก่อน บางคนโกรธคนอื่นทั้งๆที่คนอื่นไม่รู้ตัว สุดท้ายเพลิงแห่งความโกรธก็กลับมาเผาผลาญตัวเองเสียวอดวาย บางคนถูกอารมณ์โกรธยั่วยุจนกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดขี้รำคาญ ทำให้ชีวิตไม่เป็นสุขตลอดเวลา

ดังนั้น เราจึงควรรู้เท่าทันความโกรธโดยถามตัวเองก่อนที่จะโกรธใครว่า ถ้าโกรธแล้วได้อะไร ถ้าไม่โกรธ(เฉยๆ)แล้วจะเสียอะไร ส่วนวิธีการดับความโกรธผมเชื่อว่าหลายคนมีวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้วอย่างแน่นอน