หน้าแรก ในประเทศ หนักข้อ!เพจองค์กรพิทักษ์พุทธ ล่วงเกินจาบจ้วงจุฬาราชมนตรี อ้างห้ามใส่ชุดดำ-แถมดูหมิ่นอิสลาม

หนักข้อ!เพจองค์กรพิทักษ์พุทธ ล่วงเกินจาบจ้วงจุฬาราชมนตรี อ้างห้ามใส่ชุดดำ-แถมดูหมิ่นอิสลาม

2408

วันที่ 14 ต.ค. เพจ องค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ – อพช. ได้ออกมาแสดงท่าทีล่วงเกินจุฬาราชมนตรี กรณีที่ได้ออกประกาศแนวปฏิบัติของมุสลิมในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ กรณีการใส่ชุดดำ โดยระบุว่า กรณี จุฬาราชมนตรี ห้ามมุสลิมแต่งดำเคารพพระบรมศพ

คำสั่งของจุฬาราชมนตรี ที่ห้ามคนมุสลิมแต่งดำเข้าร่วมพิธีพระบรมศพในวันที่ 26 ต.ค.60 นี้ โดยมีคำสั่งว่า ถ้าต้องการเข้าร่วมให้แต่งสีอื่น และมิให้เข้าร่วมในพิธี แต่ให้ไปทำกิจกรรมอื่นแทน เช่น จัดสถานที่ ….. อยากจะบอกจุฬาว่า ท่านแน่ใจหรือว่า คำสั่งของท่านนั้นถูกต้องตามหลักอิสลามจริงๆ ท่านหาซูเราะห์มาอ้างอิงได้ไหมที่ห้ามใส่สีดำ เพราะทุกวันนี้ ก็เห็นเฉพาะคนมุสลิมเท่านั้นที่ใส่ดำคลุมทั้งตัว คนอื่นเขาจะใส่ดำก็เฉพาะพิธีงานศพเท่านั้น
ความจริงแล้วนั้น สิ่งที่พวกท่านทำอยู่ทุกวันนี้ ก็ล้วนผิดหลักการของอิสลามทั้งสิ้น ยกตัวอย่าง การคลุมฮิยาบ ในซูเราะห์ได้กำหนดลักษณะการคลุมผ้าของผู้หญิงว่า ต้องปิดหน้าทั้งหมด อนุญาตให้เห็นหน้าได้เฉพาะในหมู่ญาติพี่น้องเท่านั้น แต่ที่เห็นเดินเปิดหน้าให้คนอื่นเห็นจมูกอยู่ทุกวันนี้ ล้วนผิดหลักคำสอนทั้งสิ้น เช่นบท 24:31, 33:33 ,59 ว่า จงประกาศเถิดแก่มวลสตรีผู้มีศรัทธาทั้งหลาย …พวกนางจงดึงผ้าคลุมศีรษะของพวกนางมาปิดหน้าทั้งหมดจนถึงคอเสื้อของนาง พวกเธอจงอยู่ประจำเฉพาะในบ้านเรือนของนาง อย่าปรากฏตัวต่อสาธารณชนเหมือนคนในยุคก่อน และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง ยกเว้นต่อสามี บิดาของนาง บิดาสามี ลูกๆของนาง ลูกๆของสามี พี่น้องชายหญิงของนาง หลานๆ ของนาง และบรรดาหญิงด้วยกัน “ เท่านั้น
ซึ่งปัจจุบันนี้ เห็นมีแต่ผู้หญิงในอากานิสถานเท่านั้นที่ยังใส่ฮิยาบคลุมหัวมิดชิดแบบมองไม่เห็นแม้แต่นัยน์ตา และเขาก็ประกาศว่า เคร่งครัดในศาสนาอิสลาม
การที่ในประเทศไทย มีสตรีมุสลิมแม้จะใส่ฮิยาบก็ตาม แต่ก็เห็นเปิดหน้า เปิดตา เปิดแขน เปิดขา ออกนอกบ้านมาเดินขวักไขว่ตามถนนและห้างเต็มไปหมด ท่านน่าจะประกาศบอกเขาเหล่านั้นให้อยู่แต่ในบ้านเหมือนในคัมภีร์บอกนะจึงจะถูก และจงประกาศด้วยว่า ทุกวันนี้คนมุสลิมในไทย ถือว่าปฏิบัติผิดหลักคำสอนอิสลามทั้งสิ้น แม้แต่คำสั่งของจุฬาราชมนตรีเอง
เช่น ในคัมภีร์บอกว่า (บท9:29,123)ว่า พวกเจ้าจงทำการรบเถิดกับบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธากับอัลเลาะห์และไม่ศรัทธากับวันสุดท้าย(ไม่เชื่อเรื่องตัดสินโลก) ” “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจึงทำศึกกับบรรดาพวกไร้ศรัทธาที่อยู่ใกล้เคียง(เพื่อให้หมดเสี้ยนหนาม) และจงทำให้พวกเขาได้พบกับความแข็งแกร่งในหมู่พวกเจ้า” “พวกเจ้าจงฟันลงไปบนต้นคอทั้งหลายของข้าศึกเถิด และจงฟันทุกปลายนิ้วมือของพวกมัน นั่นเป็นคำบัญชาจากอัลเลาะห์ …” คำสอนเหล่านี้ สั่งให้พวกท่านปฏิบัติ แต่ก็เห็นท่านอยู่ปกติดี ไม่เห็นกระทำการใดๆ ก็ถือว่าขัดหลักการของศาสนาด้วยเช่นกัน หรือว่าแอบปฏิบัติลับๆอยู่ก็ไม่ทราบ
ดังนั้น การอ้างหลักคำสอนมาประกาศโน้นนี่นั่นอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแต่ผิดหลักศาสนาทั้งสิ้น แต่ด้วยเล่ห์กลที่ชำนาญ จึงทำให้ดูเหมือนว่า ศาสนามีหลักกฎเกณฑ์ห้ามเยอะ น่าเกรงขาม แต่แก่นแท้จริงๆนั่นไม่มี อยากจะบอกว่า วิธีการนี้ คือการทำร้ายสังคม การหลอกลวงผู้อื่นด้วยเจตนามุสา ถือว่าไม่ควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะแม้ประเทศมุสลิมที่เคร่งครัดเขาก็ยังให้ความเคารพ

ทั้งนี้ อำนาจการฟัตวาว่า สิ่งใดที่มุสลิมทำได้หรือไม่ ตามหลักการอิสลามและกฎหมายไทยเป็นหน้าที่ของจุฬาราชมนตรี ที่ได้พิจารณาตามหลักการ การที่องค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ออกมาแสดงความเห็นดังกล่่าว เป็นการล่วงละเมิดจุฬาราชมนตรี และแทรกแซงกิจการอิสลาม ซึ่งแม้แต่หน่วยงานราชการยังให้เกียรติในการฟัตวาของจุฬาราชมนตรี ได้สร้างความไม่พอใจให้กับมุสลิมเป็นอย่างมาก เรียกร้องให้มีการดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป