Islamic Wealth Management ลงทุนหุ้นฮาลาล

58

Islamic Wealth Management
ลงทุนหุ้นฮาลาล

“KTBST Islamic Wealth Management” ชวนมุสลิมลงทุนในตลาดหุ้น ซื้อขายหุ้นฮาลาลกว่า 100 บริษัท เน้นบริการผู้ลงทุนชาวไทยมุสลิม ลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม(ฮาลาล) ให้คำปรึกษาวางแผนทางการเงิน เล็งขยายฐานลูกค้าให้ความรู้ด้านการลงทุนทั่วประเทศ 
นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เป็นเกียรติเปิดตัว KTBST Islamic Wealth Management เพื่อการลงทุนในตลาดหลัก ทรัพย์ของพี่น้องมุสลิม โดย KTBST เป็นความร่วมมือของบริษัทหลักทรัพย์จากเกาหลีใต้กับผู้ลงทุนชาวไทย เปิดให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นายหน้า ค้าขายหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัทที่ต้องการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่ง KTBST Islamic Wealth Management เป็นบริการหนึ่งในการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แก่พี่น้องมุสลิม

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บล.KTBST ได้ขยายขอบเขตการให้บริการการเงินส่วนบุคคลที่ปรึกษาการเงิน หรือ Wealth Management ควบคู่ไปกับการให้บริการทางการเงินแบบครบวงจรตลอดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 ที่ผ่านมาจนมีลูกค้านักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมากและส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การดูแลของ Wealth Management  มีมากกว่า 30,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริการหนึ่งซึ่งถือเป็นธุรกิจที่เฉพาะ คือ “KTBST-Islamic Wealth Management Service” แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่เป็นช่องทางรองรับนักลงทุนมุสลิมและสถาบันการเงินอิสลามที่ต้องการลงทุนให้ถูกหลักตามหลักชะรีอะฮ์ ซึ่งทางบริษัทมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมให้พี่น้องชาวมุสลิมมีโอกาสได้ลงทุนในตลาดทุนไทยถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม

โดยที่ผ่านมา Islamic Wealth Management ได้เดินหน้าจัดกิจกรรมให้ความรู้กับนักลงทุนมุสลิมอย่างต่อเนื่องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชะรีอะฮ์ขึ้นมา ทำหน้าที่กำกับดูแลให้ผลิตภัณฑ์และบริการเป็นไปตามหลักชะรีอะฮ์ และพิจารณาคัดเลือกหุ้นที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม (ฮาลาล) ร่วมกับทีมการลงทุนที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ลงทุน จึงส่งผลให้ KTBST Islamic Wealth Management Service เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง มีนักลงทุนชาวมุสลิมและไทยมาเปิดบัญชีใหม่จำนวนมาก ซึ่งเป็นไปเป้าหมายและความตั้งใจของ บล.KTBST ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการ ประกอบด้วย บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ตามหลักศาสนาอิสลาม (Islamic Equity Account) บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติ (Islamic Smart Algo) กองทุนส่วนบุคคลตามหลักศาสนาอิสลาม (Islamic Private Fund) การลงทุนในตราสารศุกูกในต่างประเทศ (Sukuk) และการแนะนำการลงทุนกองทุนรวมอิสลามิค LTF-RMF สำหรับลดหย่อนภาษีเงินได้
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การเปิดบริการ Islamic Wealth Management ของบล. KTBST ในครั้งนี้ มีความน่าสนใจอย่างมากเพราะเป็นการตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนชาวมุสลิมด้วยการเสนอบริการที่น่าจะตรงกับความต้องการและช่วยสร้างความมั่นใจแก่กลุ่มลูกค้าดังกล่าวในการบริหารจัดการเงินออมและลงทุนเพื่อสามารถสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้ตามหลักเกณฑ์ของศาสนาอิสลาม

ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการร่วมมือกับ FTSE Russell ผู้นำด้านการให้บริการด้านดัชนีในต่างประเทศในการจัดทำดัชนี FTSE SET Shariah นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นดัชนีราคาหุ้นที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาของกลุ่มหลักทรัพย์ที่สภาพคล่องสม่ำเสมอและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ชะรีอะฮ์ซึ่งพิจารณาคัดเลือกโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาอิสลามจาก Yasaar Limited บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินที่เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม ดังนั้นนักลงทุนชาวมุสลิมจึงสามารถใช้ดัชนี FTSE SET Shariah เป็น Benchmark สำหรับการลงทุนในตลาดทุนไทย และสถาบันการเงินยังสามารถนำดัชนีไปใช้ในการออกผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนอื่น เช่น กองทุนรวม กองทุน ETF และ Index Linked Products เป็นต้น เพื่อเสนอเป็นทางเลือกในการลงทุนให้กับลูกค้าของตน
ทั้งนี้ ณ ธันวาคม 2559 ดัชนี FTSE SET Shariah มีหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบรวมทั้งสิ้น 111 หลักทรัพย์ จาก 650 บริษัท มีมูลค่ารวมตามราคาตลาดประมาณ 5.2 ล้านล้านบาท จากมูลค่าตลาดทั้งหมดประมาณ 15 ล้านบาท

“ชี้ให้เห็นว่าตลาดทุนไทยมีบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากที่ประกอบธุรกิจสอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม และกระจายอยู่ในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี เป็นต้น” เธอ กล่าว

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายอรุณ บุญชม ประธานกรรมการ คณะกรรมการชะรีอะฮ์ กล่าวถึง การทำหน้าที่ของคณะกรรมการชะรีอะฮ์ว่า สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา คณะกรรมการชะรีอะฮ์
ได้มีการพิจรณาคัดเลือกหุ้นบริษัทในตลาด หลักทรัพย์ ตามหลักเกณฑ์ของประเทศมาเลเซียและตามหลักเกณฑ์ของประเทศตะวันออกกลาง จึงช่วยขยายขอบเขตการลงทุนในหุ้นได้กว้างขวางขึ้น โดยหากพิจารณาตามเกณฑ์ของประเทศมาเลเซีย พบว่ามีบริษัทจดทะเบียนที่สามารถลงทุนได้ตามหลักชะรีอะฮ์ได้มากกว่า 500 บริษัท และหากพิจารณาตามเกณฑ์ของตะวันออกกลางจะมีบริษัทจดทะเบียนที่สามารถลงทุนได้ตามหลักชะรีอะฮ์ได้มากกว่า 100 บริษัท นับเป็นตัวเลือกในการพิจารณาคัดเลือก “หุ้นฮาลาล” สำหรับประชาชนมุสลิมและสถาบันการเงินอิสลามให้สามารถเข้าไปลงทุนในหุ้นได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการชะรีอะฮ์มีการจัดประชุมเป็นประจำทุกเดือน หากบริษัทจดทะเบียนใดมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจหลัก บริษัทลูกหรือบริษัทร่วมทุน มีสัดส่วนรายได้ต้องห้ามหรือรายได้ดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางชะรีอะฮ์ ก็จะพิจารณานำออกจากกลุ่มหุ้นฮาลาล และในทางตรงข้ามหากบริษัทจดทะเบียนใดมีการปรับเปลี่ยนให้ธุรกิจหลักของกิจการ รายได้หรือกำไรเข้ามาอยู่ในหลักเกณฑ์ชะรีอะฮ์ก็จะถูกนำกลับเข้ามาพิจารณาให้อยู่ในกลุ่มหุ้นฮาลาลได้เช่นกัน

นายอิสเรศ มะหะหมัด ผู้อำนวยการฝ่าย Islamic Wealth Management บล.KTBST เปิดเผยว่า การให้บริการนักลงทุนในช่วง ประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ลงทุนมุสลิมให้ความสนใจและเปิดบัญชีลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม แล้วร่วม 300 กว่าบัญชี มียอดการซื้อขายหลักทรัพย์ประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าภายใน 3 ปี จะมีนักลงทุนมุสลิมเปิดบัญชีประมาณ 2,500 บัญชี ส่วนกองทุนส่วนบุคคลตามหลักศาสนาอิสลาม (Islamic Private Fund) โดยมีอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังประมาณ 8 % ต่อปีนั้น ได้รับความสนใจ ทั้งผู้ลงทุนรายย่อย และสถาบันการเงินอิสลาม เช่น บริษัทประกันชีวิตที่มีแบบประกันตะกาฟุล และสหกรณ์อิสลาม โดยเมื่อปลายปี 2559 KTBST Islamic Wealth Management ได้จับมือกับ บลจ. วรรณ ในการเปิดกองทุน ONE-SHARIAHLTF เป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาวและลดหย่อนภาษีเงินได้ ซึ่งนับเป็นทางเลือก LTF กองใหม่สำหรับนักลงทุนมุสลิม

นอกจากนี้ KTBST Islamic Wealth Management จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนมุสลิมและสถาบันการเงินอิสลามให้มากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดให้บริการบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติ (Islamic Smart Algo) ตามหลักการวะกาละฮ์(Wakalah) มีจุดเด่นคือการคัดเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมของนักลงทุน ที่สามารถเลือกลงทุนได้อย่างตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และยังมีการจัดการความเสี่ยงด้วยกลยุทธ์ลงทุนที่ทดสอบมาแล้ว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมั่นใจว่าสามารถลงทุนได้ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม เป็นการลงทุนที่มีกฎหมายรองรับ และเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้ระบบการเงินการลงทุนอิสลามสามารถเติบโตและเป็นที่รับรู้มากขึ้นในอนาคตต่อไป

“มีคำถาม เรื่องการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเดย์เทรด สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งมีการตีความว่า หากตั้งเจตนาว่า จะแสวงหากำไรแบบวันต่อวัน เข้าข่ายการเล่นพนัน ไม่สามารถทำได้ แต่หากเป็นการขายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สามารถทำได้” นายอิสเรศ กล่าว
นายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการ

ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์  บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) เปิดเผยว่า ตลาดทุนในปัจจุบันมีปัจจัยเข้ามากระทบหลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บล. KTBST จึงได้นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่  “KTBST SMART ALGO” เป็นการลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติ หรือ Algorithm Trading ที่ใช้การตัดสินใจลงทุนตามกลยุทธ์ที่วางแผนไว้ โดยได้ร่วมมือกับผู้พัฒนาโปรแกรม Meta Trading 5 เพื่อนำเสนอการลงทุนในรูปแบบอัตโนมัติ มีจุดเด่นคือการคัดเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมของนักลงทุน ที่สามารถเลือกลงทุนได้อย่างตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และยังมีการจัดการความเสี่ยงด้วยกลยุทธ์ลงทุนที่ทดสอบมาแล้ว โดยกลยุทธ์การลงทุนเบื้องต้นลูกค้าสามารถเลือกได้ 3 กลยุทธ์แต่ในอนาคตจะมีกลยุทธ์เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันระบบยังควบคุมความเสี่ยงของพอร์ตและ Transaction Control เพื่อให้การซื้อขายถูกต้องมากฎของ ก.ล.ต.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของ KTBST–ISLAMIC SMART ALGO ได้แก่ HIT N’ RUN : ลงทุนตามแนวโน้ม (Trend Following) ในหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีปริมาณการซื้อขายย้อนหลัง 10 วัน มากกว่า 50 ล้านบาท และจะให้น้ำหนักการลงทุนต่อหุ้นไม่เกิน 14% ของเงินลงทุน Bright Infinite : ลงทุนโดยเครื่องมือทางเทคนิคในหุ้นที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หรือหุ้น Turn around และปรับสถานะการลงทุนเมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลง โดยขายหุ้นออกหากแนวโน้มสิ้นสุดลง ทั้งนี้จะเลือกลงทุนทั้งหุ้นใน SET และ mai

“KTBST SMART ALGO เป็นเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะกับเศรษฐกิจไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 เป็นทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและป้องกันความเสี่ยง จากการทดสอบข้อมูลย้อนหลังสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดหุ้น จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาในการบริหารพอร์ตการลงทุนด้วยตนเอง”

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนที่ 1 ล้านบาท โดยบริษัทจะเริ่มเปิดให้บริการสำหรับการลงทุนในหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป และในอนาคตจะเริ่มขยายไปสู่การลงทุนหุ้นต่างประเทศ

หมายเหตุ : จากนิตยสาร MTODAY ฉบับประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2560