บรูไน เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ประกาศใช้กฎหมายชารีอะห์ที่จะมีการลงโทษผู้กระทำผิดทางเพศอย่างรุนแรง ขว้างหินจนตาย Amnesty International ออกแถลงการณ์โจมตี จี้ยกเลิก
มีรายงานว่า ตั้งแต่ในวันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไป ทางการบรูไน กำหนดบังคับใช้บทลงโทษตามกฎหมายชารีอะห์อย่างเข้มงวด จากการประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2014 จะเริ่มใช้บทลงโทษในระยะที่ 2 และ 3 ตามลำดับ โดยในระยะที่ 1 การลงโทษในคดีรักร่วมเพศ จะมีโทษจำคุก 10 ปี แต่ในระยะที่ 2 ที่ลทลงโทษ จะมีการเฆี่ยนและสูงสุดจะขว้างด้วยหินจนตาย
ทั้งนี้ บรูไน ประกาศใช้ฎหมายอิสลาม เมื่อปี 2014 โดยสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ พระประมุขและนายกรัฐมนตรี ทรงประกาศใช้กฎหมายอิสลาม มีการกำหนดช่วงเวลาการปรับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเป็น 3 ระยะคือ ในปี 2014 จะลงโทษผู้ที่มีบุตรโดยไม่ได้นิกะห์ ผู้ที่ไม่ไปละหมาดวันศุกร์ และผู้ที่เผยแพร่ศาสนาอื่นที่มิใช่อิสลาม ต่อมาในปี 2015 เริ่มการโทษผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วยการเฆี่ยน และผู้ที่ขโมยทรัพย์สินผู้อื่นจะต้องถูกตัดมือ
ในปี 2016 เริ่มต้นลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ ผู้ที่มีชู้ คนร้ายคดีข่มขืน และผู้ที่ออกจากศาสนาอิสลาม ด้วยการขว้างด้วยหินจนตาย แต่การเริ่มต้นบทลงโทษตามกฎหมายชารีอะห์ เกิดกระแสต่อต้านไปทั่วโลก จนสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงชะลอแผนออกไป และจะเริ่มต้นในวันที่ 3 เมษายน
แผนการลงโทษตามกฎหมายชารีอะห์ของบรูไน องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ได้ออกแถลงการณ์โจมตีรัฐบาลบรูไน ที่จะประกาศใช้กฎหมายอิสลาม โดยระบุว่า ความรุนแรงของบทลงโทษของผู้มีรสนิยมรักร่วมเพศคือต้องถูกขว้างด้วยหินจนตาย นับเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้บทลงโทษที่รุนแรงกับกลุ่มความหลากหลายทางเพศ และเรียกร้องให้มีการยกเลิก แต่ยังไม่มีปฏิกริยาตอบกลับจากทางการบรูไน
สำหรับ ประเทศที่มีบทลงโทษคนรักร่วมเพศด้วยการประหาร ส่วนใหญ่อยู่ในตะวันออกกลางและแอฟริกา อาทิ อัฟกานิสถาน, อิหร่าน, มอริตาเนีย, ซูดาน, ไนจีเรีย, เยเมน, ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, และโซมาเลีย บรูไน เป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ใช้กฎหมายชารีอะห์ ในขณะที่ อาเจาะห์ ในอินโดนีเชีย ใช้กฎหมายชารีอะห์เช่นเดียวกัน แต่ไม่มีโทษประหาร
