วันนี้ (26 ม.ค.) เวบไซด์ manager รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2560 นายซูไฮมิง มะมิง อายุ 28 ปี ชาว อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อ นายอิบรอเหม เบ็ญนา นักวิชาการยุติธรรม ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารงานยุติธรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ช่วยติดตามเรื่อง นายอินเดรส มะมิง อายุ 51 ปี พร้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวรวม 4 คน ที่ได้เดินทางไปออกร้านแสดงสินค้า Thai food ที่รัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 6-15 มกราคม 2560 ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2560 ทางการมาเลเซีย ได้จับกุมสมาชิกในครอบครัวโดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกับคนไทยที่ออกร้านแสดงสินค้าที่รัฐมะละกา รวมจำนวน 53 คน
หลังจากทางสำนักบริหารงานยุติธรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รับเรื่อง จึงได้มอบหมายให้ นายอิบรอเหม เบ็ญนา นักวิชาการยุติธรรม ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารงานยุติธรรม ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลรายชื่อผู้ที่ถูกจับกุมทั้งหมด ซึ่งได้ทราบข้อมูลว่า กลุ่มคนไทยทั้ง 53 คน เป็นชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ยะลา ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ถูกทางการมาเลเซียจับกุม เนื่องจากทั้ง 53 คน กระทำการผิดกฎหมายเข้าเมืองประเทศมาเลเซีย ในฐานะนักท่องเที่ยว แต่ไปออกร้านขายสินค้าที่รัฐมะละกา โดยทั้งหมดถูกควบคุมตัวที่สถานกักกัน Machap umboo รัฐมะละกา เพื่อเตรียมขึ้นศาลมาเลเซีย โดยทางมาเลเซียได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า อัตราโทษสูงสุดในฐานะความผิดดังกล่าวคือ ปรับไม่เกิน 1,000 ริงกิต หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายอิบรอเหม เบ็ญนา นักวิชาการยุติธรรม ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารงานยุติธรรม ให้ข้อมูลว่านายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้สำนักงานบริการยุติธรรม ศอ.บต. เตรียมเดินทางไปยังรัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าเยี่ยมกลุ่มคนไทยทั้ง 53 คน รวมทั้งประสานงานเพื่อให้การช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้ทางการมาเลเซีย ได้ควบคุมตัวคนไทย จำนวน 21 คน ที่เดินทางไปขายสินค้าที่รัฐยะโฮร์บารู ประเทศมาเลเซีย เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2559 ที่ผ่านมา โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ทางการมาเลเซีย ได้ปล่อยตัวคนไทยกลุ่มแรก จำนวน 12 คน กลับมายังประเทศไทยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 9 คน ยังต้องรอขึ้นศาลมาเลเซีย เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งทาง ศอ.บต. ก็ได้ติดตามเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องแล้วเช่นกัน