“สี่กุมาร” แถลงลา พปชร. แต่ ยังไม่ทิ้ง เก้าอี้ รมต. ปัดตั้งพรรคใหม่

170

“อุตตม” นำทีม “ปิดฉากสี่กุมาร” ลาออก สมาชิก พปชร. แต่ยืนยัน สายสัมพันธ์พรรคยังดีอยู่ ยังไม่คิดตั้งพรรคการเมือง ระบุ ไม่ทิ้งตำแหน่งรมต.ชี้ นายกฯ คงทราบจากสื่อแล้ว ย้ำ มิตรภาพไม่เปลี่ยนแปลง เผย “สมคิด”ให้กำลังใจและเคารพการตัดสินใจ

วันที่ 9 ก.ค.63 เวลา 12.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว กลุ่ม “ 4 กุมาร”ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อดีตรมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตกรรมการบริหารพรรคพปชร. แถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ

นายอุตตม กล่าวว่า การทำงานร่วมกับพรรคมา 2 ปี ถือว่าภารกิจนำพาพรรคเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ได้สำเร็จ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และเวลานี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว จึงขอยุติบทบาทในทางการเมืองกับพรรคพปชร.ที่มีผู้บริหารพรรคชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ต่อไป สำหรับพวกตนจะเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายบริหารในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี และยังไม่ได้มีความคิดที่จะไปตั้งกลุ่มหรือพรรคการเมือง การแถลงวันนี้เป็นเรื่องของพรรคไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ส่วนการจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดๆในอนาคตเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ โดยขึ้นอยู่กับ นายกฯเวลานี้ขอทำหน้าที่อย่างเต็มที่ หากจะมีการปรับเปลี่ยนใน ครม.ถือเป็นเรื่องของนายกฯ ทั้งนี้พวกเราทำปัจจุบันบันให้เต็มที่ วันข้างหน้าเป็นเรื่องของวันข้างหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ถือเป็นการปิดตำนานสี่กุมารได้หรือยัง หรือจะเป็นภาคต่อไปนายอุตตม กล่าวว่า “เอาเป็นว่าวันนี้ เราได้บรรลุในสิ่งที่เราตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้นถือว่าบรรลุแล้วอาจเรียกได้ว่าจบไปตอนนึง และเราจะทำงานของเราต่อ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรยังไม่ได้คิด แล้วจะเป็นอย่างไรขอให้ดูโอกาสที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนมีแน่นอน ผมเชื่อว่าอย่างนั้น”

เมื่อถามว่าจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ในวันนี้ยังไม่มีความคิด ยังขอทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารอย่างเต็มที่ ทั้งนี้การลาออกจากพรรคในวันนี้ไม่ได้มีการแจ้งนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร แต่คิดว่านายกรัฐมนตรีคงได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนอยู่แล้ว วันนี้ขออยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยังไม่อยากไปคิดถึงเรื่องตำแหน่งใดๆ ในอนาคต

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และแยกแยะบทบาทในพรรคพปชร.กับฝ่ายบริหารในฐานะรัฐมนตรี โดยจะทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด ส่วนสัดส่วนของครม.หากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้ว จะเป็นโควตากลางของนายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ไปก้าวล่วงเพราะอยู่นอกขอบเขตการตัดสินใจ และอนาคตจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกฯ พิจารณา ที่ผ่านมาพวกตนเป็นส่วนหนึ่งของพปชร.แม้จะไม่เคยทำงานการเมือง

แต่ก็สร้างพรรคจนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และอยากให้พรรคเข้มแข็งเดินหน้าเป็นสถาบันการเมืองต่อไปและสายใยความผู้พันกับสมาชิกจะไม่หายไป ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ยังเป็นครอบครัวกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน และเคยพูดเสมอว่าไม่ถอดใจ การมาทำงานการเมืองคือความเสียสละ ทำหน้าที่ให้ดีตราบใดที่มีหน้าที่จะทำให้ไม่ได้ยึดตำแหน่งหรือหวังอะไร ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค ได้บอกกล่าวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แล้ว ซึ่งท่านให้กำลังใจในการทำงาน แต่ไม่ได้แนะนำอะไรเพราะท่านเคารพการตัดสินใจของพวกเรา

“ในวันนี้พวกเราจะยังทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารจนถึงที่สุด จนถึงวันที่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดเรื่องโควต้าในวันนี้ สิ่งที่ตนรู้สึกคือภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างพรรคใหญ่ เป็นสถาบันทางการเมืองให้ประชาชนมีความหวัง สมาชิกพรรคทั่วประเทศ เราไม่มีการโกรธชังกัน ถึงวันนี้เราจะลาออกจากพรรค แต่มิตรภาพจะยังคงอยู่ เราแค่เลือกทางเดินในวิถีของเรา”นายสนธิรัตน์

เมื่อถามว่า ได้มีการแจ้งการตัดสินใจวันนี้ให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาทางใจทราบหรือยัง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ได้เรียนให้ท่านทราบแล้ว เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของพวกเราเสมอมา ท่านก็ให้กำลังใจ และเคารพการตัดสินพวกเรา โดยไม่ได้มีการชี้แนะอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 4 คน ที่ร่วมงานกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่สมัยคสช.และต่อมาได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2562 เพื่อมาทำงานการเมืองเต็มตัว นำทีมหาเสียงเลือกตั้ง ส่งผลให้พรรค พปชร.สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จนกระทั่งถูกแรงกดดันจากแกนนำพรรคให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค โดยให้กรรมการบริหารลาออก นำไปสู่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี2563 เมื่อวันที่27 มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา ลงมติเลือกพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยไม่มีชื่อทั้ง4 คน ร่วมในกรรมการบริการพรรคชุดใหม่ จำนวน34 คน

ขอบคุณ …คลิปข่าว ผู้จัดการ