เรื่องนี้ถึงบิ๊กป้อม! ศาลสั่งผิดดคียาเสพติด 2 ครั้ง แต่ได้เป็น’กก.ลางอิสลามฯ’

เปิดหลักฐานคำพิพากษาศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ เอกลักษณ์ ดุลล่า ถูกศาลสั่งมีความผิดคดียาเสพติด 2 ครั้ง แต่ได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานกอจ.และกรรมการกลางอิสลามฯ สังคมตั้งคำถามสมควรหรือไม่

ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีคำพิากษา นายเอกลักษณ์ ดุลล่า กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 3 ครั้ง แต่ยังได้รับการเสนอชื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการกลางฯ และแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้ถูกตั้งคำถามว่า บุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ด้านศาสนา สมควรให้คนที่ถูกศาลสั่งลงโทษคดียาเสพติดมาเป็นหรือไม่

คำพิพากษาของศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ระบุว่า จำเลย(นายเอกลักษณ์) ให้การรับสารภาพว่า เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2555 ได้เสพเมทแอมเฟตามีนไฮโรคลอไรด์(ยาบ้า) อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยใช้ความร้อนจุดลนเมทแอมเฟตามี จนเกิดควันและสูดรับเข้าร่างกาย ต่อมาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลวังพิกุล อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ พิพากษาว่ามีความผิดจริง ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ร.บ.จราจรทางบก เป็นความผิดหลายกระทง ซึ่งโทษหนักที่สุด จำคุก 8 เดือนปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือกึ่งหนึ่ง จำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน เพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุก ให้รอลงอาญา 2 ปี แต่ให้คุมประพฤติ 3 ปี ให้ทำกิจกรรมสาธารณะ 12 ชั่วโมง

ต่อมาวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้เสพยาเสพติดประเภท 1 โดยก่อนคดีนี้ จำเลยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท เมื่อ 21 ธันวาคม 2555 แต่กลับมาทำความผิดในคดีนี้อีก จึงมีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน เห็นสมควรรอการลงโทษ 2 ปี ให้ควบคุมความประพฤติกำหนดเวลา3 ปี และให้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม 12 ชั่วโมง และห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก

สำหรับนายเอกลักษณ์ ดุลล่า ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2553 หลังหมดวาระได้รับการเสนอชื่ออีกครั้ง เมื่อปี 2559 และได้รับโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

นอกจากนี้ นายเอกลักษณ์ ได้รับการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดเพชรบูรณ์ 2 ครั้ง คัดค้านคุณสมบัติการเป็นอิหม่าม และเป็นกรรมการกลางอิสลามฯ โดยไม่มีความรู้ศาสนา และไม่สามารถอ่านอัลกุรอ่านได้ ล่าสุด ทางอำเภอบึงสามพัน ได้ส่งเรื่องขอความเห็นมาจากคณะกรรมการกลางอิสลามฯ เมื่อเดือนมีนาคม 2563 แต่ยังไม่มีการส่งความเห็นกลับไป จนถึงบัดนี้

สำหรับ กรรมการอิสลามประจำจังหวัด และกรรมการกลางอิสลามฯ มีคุณสมบัติ กำหนดไว้ในพ.ร.บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม ปี2540 มาตรา 7 ข้อ 8 ไม่เป็นผู้เคยถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทและความผิดลหุโทษ

กรณีนายเอกลักษณ์ แม้คำพิพากษาถึงที่สุด ให้รอลงอาญา แต่คำพิพากษาระบุว่ามีความผิด และเป็นคดีที่เกี่ยวข้อกับยาเสพติดเหมาะสมหรือไม่กับการเป็นเข้ามารับผิดชอบการบริหารในองค์กรศาสนา