ฉเอพีรายงานว่า เมื่อ 6 มี.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งใหม่ว่าด้วยการแบนพลเรือนชาติมุสลิมเข้าแผ่นดินอเมริกา ด้วยเหตุผลเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ชาวอเมริกัน ลดจาก 7 ประเทศ เหลือ 6 ประเทศ โดยตัดอิรัก ออกไป เพราะถือว่าเป็นพันธมิตรที่ร่วมต่อสู้กับกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส
คำสั่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่ง 6 ประเทศที่ยังอยู่ในมาตรการนี้ ได้แก่ อิหร่าน ซีเรีย โซมาเลีย ซูดาน เยเมน และลิเบีย ในช่วง 90 วันนับจากคำสั่งบังคับใช้ พลเรือนจากชาติเหล่านี้จะไม่ได้วีซ่าสำหรับเดินทางเข้าอเมริกาและสหรัฐยังปิดกั้นโครงการรับผู้อพยพทั้งหมดเป็นเวลา 120 วัน
ทรัมป์ เคยเซ็นต์คำสั่งห้ามพลเมือง 7 ชาติ เข้าประเทศหลังเข้ารับตำแหน่ง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองทำให่ไม่มีผลบังคับใช และนำไปสู่การประทัวงหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
คำสั่งใหม่นี้ นายทรัมป์ ได้ลงนามอย่างเงียบๆ โดยเผยแพร่ภาพการจรดปากกาลงนามผ่านทวิตเตอร์ และให้นายจอห์น เคลลี รมว.มาตุภูมิ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศ และนายเจฟฟ์ เซสชัน รมว.ยุติธรรมเป็นผู้มาแถลงกับสื่อมวลชน แต่ไม่อนุญาตให้นักข่าวถาม ส่วนนายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว งดแถลงสรุปข่าวเช่นกัน
สำหรับคำสั่งรอบใหม่นี้ บีบีซีรายงานว่ามีความแตกต่างเล็กน้อยจากคำสั่งเดิมที่ลงนามไปเมื่อ 27 ม.ค.2560 ซึ่งสร้างความโกลาหลยังสนามบินแห่งต่างๆ ทั่วสหรัฐ เนื่องจากพลเรือนจาก 7 ประเทศถูกกักที่ด่าน และมีผู้ประท้วงผุดตามสนามบินทั่วประเทศ กระทั่งต่อมาศาลรัฐบาลกลางตัดสินให้ระงับคำสั่งดังกล่าวของฝ่ายบริหารไว้ หลังอัยการชี้ว่ามีเนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ
คำสั่งใหม่นี้มีผลให้แบนพลเรือน 6 ชาติในระยะเวลา 90 วัน อิรักหลุดจากบัญชีไป โดยรัฐบาลจะใช้วิธีตรวจสอบวีซ่าและแปลกเปลี่ยนข้อมูลบุคคลแทน นอกจากนี้ยังผ่อนปรนว่า ผู้อพยพที่ได้การรับการอนุมัติจากกระทรวงการต่างประเทศ อนุโลมให้เข้าอเมริกาได้ และคำสั่งใหม่นี้ไม่ได้แบนชาวซีเรียอย่างเด็ดขาดเหมือนครั้งก่อน
Cr.ข่าวสด