ปธ.ญาติวีรชน ย้ำม็อบ 4 เมษาสามัคคีทุกสีเสื้อ ผนึกกำลัง”นปช.-พธม.”ไล่รัฐบาล

84

ประธาน ญาติวีรชน ย้ำม็อบ 4 เมษา “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ผนึกกำลังทุกสีเสื้อ นปช.-พันธมิตร-กลุ่มคนตุลาฯ รวมใจ ทวงคืนประชาธิปไตย ขับไล่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันที่ 3 เม.ย.64 นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 และ อดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างปรองดองแห่งชาติ เปิดเผยถึงการจัดงาน “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ที่ “อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรรม” ในวันที่ 4 เมษายนนี้ ร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย เป็นกิจกรรมที่สะท้อนความสามัคคีของคนในชาติเพื่อหาทางออกให้กับประเทศที่กำลังเดินไปสู่ทางตันและส่อจะเกิดกลียุคสงครามกลางเมืองเพียงเพราะการกระหายอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายอดุลย์ กล่าวว่า เวทีสามัคคีประชาชนจะเชิญประชาชนจากทุกภาคส่วนของสังคม ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งฝ่าย แบ่งสี มาชำแหละความผิดพลาดล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่การตระบัดสัตย์ไม่ปฏิรูปประเทศตามที่ให้สัญญาประชาคมเมื่อครั้งยึดอำนาจปี 2557 ไม่สร้างความสามัคคีปรองดองตามคำมั่นสัญญากับแกนนำกลุ่มการเมืองทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แล้วสร้างความแตกแยกทางสังคมอย่างร้าวลึก ปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ เกิดความเหลื่อมล้ำยิ่งกว่าเดิม กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน อภิสิทธิ์ชนยังอยู่เหนือกฎหมาย ขณะที่คนจนเข้าไม่ถึงความยุติธรรม ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญวางแผนสืบทอดอำนาจอีกสมัย

“เวทีสามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ใครก็สามารถมาร่วมกันได้ หากมีความเห็นตรงกันว่าพล.อ.ประยุทธ์คือตัวปัญหา เหมือนกับช่วงพฤษภาคม 2535 ที่นักศึกษาและประชาชนทุกฝ่ายเห็นว่ารสช.คือตัวปัญหาจึงออกมาขับไล่จนสำเร็จ ดังนั้นงานนี้จะต้องสลายเสื้อสี อะไรที่เคยบาดหมางใจให้ละไว้เลิกทะเลาะกันชั่วคราว มาสามัคคีเพื่อประเทศไทยไล่พล.อ.ประยุทธ์ให้สำเร็จก่อน และไม่จำเป็นต้องเดินลงท้องถนน เพราะหากทุกฝ่ายมาแสดงพลังร่วมกันจำนวนมากให้เป็นเจตจำนงของสังคมก็สามารถกดดันองคาพยพของรัฐบาลให้สั่นคลอนล้มลงได้ แล้วจัดให้มีรัฐบาลใหม่ที่สามารถสร้างความสามัคคีคนในชาติ” นายอดุลย์ กล่าว

นายอดุลย์ กล่าวว่า การออกมาปฏิบัติการ IO ของคนในรัฐบาลเพื่อด้อยค่าหรือพยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนควรหยุดเสีย และกลับไปหาทางลงจากอำนาจเพื่อไม่ให้ประเทศชาติต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้การสร้างวาทกรรมสู้แล้วรวย การปรามาสจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่าจะมีไม่มาก สะท้อนให้เห็นความเขลาทางปัญญาและความล้าหลัง เพราะวันนี้มวลชนก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว พวกตนรู้ดีว่า กิจกรรมไล่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จบแค่ครั้งสองครั้ง แต่จะเป็นการสะสมเงื่อนไขพลังประชาชนเชิงคุณภาพ และวันหนึ่งจะมีประชาชนเรือนล้านลงถนนไล่พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอนหากยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาระบอบประยุทธ์

“แกนนำที่ร่วมจัดกิจกรรม ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย มีที่มาที่และความคิดหลากหลาย ไม่มีสีเสื้อ พวกเราสามัคคีทุกสี มีเป้าหมายเดียวคือ ล้มระบอบประยุทธ์ แกนนำ คือ คนที่อยู่หน้าแนวรบ มีมวลชนประชาชนที่มีความเห็นสอดคล้องกันเป็นกำแพงหนุน ทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้บนท้องถนนมานับครั้งไม่ถ้วน ในยามที่การเมืองในระบบไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เป็นเพียงเกราะกำบังอำนาจและผลประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของประชาชนที่จะออกมาขับไล่ผู้นำนั้น ซึ่งถือเป็นปรัชญาพื้นฐานของการเมืองที่ยึดถือกันปฏิบัติทั่วโลกว่า ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการลุกฮือ ต่อต้าน เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับเผด็จการ” นายอดุลย์ กล่าว