เปิด 20 คู่สายด่วน ช่วยผู้ติดโควิด ‘อนุชา’ ยันทุกวัดพร้อมเผาผู้ติดเชื้อ

53

รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตรวจเยี่ยมศูนย์สนับสนุนเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด -19  ให้กำลังใจบุคลากรแพทย์-ทหาร-ตำรวจช่วยปชช. ย้ำทุกวัดพร้อมเผาศพผู้ติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. เวลา 15.30 น. ที่ศูนย์สนับสนุนเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด -19 ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กรมยุทธบริการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์สนับสนุนเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด -19 กรมยุทธบริการทหาร โดยพลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มอบหมายให้พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง รองเสนาธิการทหารให้การต้อนรับ

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีสายด่วนประมาณ 20 คู่สาย เพื่อช่วยเหลือและรองรับประชาชนที่มีปัญหาและมีความต้องการตรวจหาเชื้อ เพราะหากได้รับการตรวจหาเชื้อได้เร็ว ก็จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ดี สำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้วต้องการไปโรงพยาบาล เราก็จะช่วยประสานในเรื่องที่ติดขัด เช่น รถรับ-ส่ง ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้ให้การสนับสนุนเรื่องนี้ โดยศูนย์สนับสนุนฯ มีรถกว่า 60 คัน ที่คอยบริการให้ประชาชน และบางวันมี 80-100 เคส เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลรักษา หากปล่อยไว้ช้าก็จะนำไปสู่การแพร่ระบาดต่อผู้อื่น นอกจากนี้ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมยังได้สนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ใกล้จะหายดี เพราะหากยังไปรวมตัวกับผู้ป่วยใหม่ก็เป็นเรื่องไม่ดี จึงได้เตรียมทำโรงพยาบาลสนาม เพื่อรับผู้ป่วยดังกล่าวนี้ไว้ เพื่อแยกผู้ป่วยออกมา ทำให้การบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยหนักมีรองรับผู้ป่วยใหม่มากขึ้น

เมื่อถามถึง ความคืบหน้าการแก้ปัญหาคลัสเตอร์คลองเตย นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งดูแลกรณีนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการฉีดวัคซีน และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่มีกระทรวงกลาโหมเข้าไปดูแล และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระทรวงสาธารณสุขได้ทำงานอย่างเต็มที่ในเชิงรุกปฏิบัติงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างมากมากขึ้น และสามารถควบคุมโรคได้โดยเร็ว

“ขอชื่นชมคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานหนักมากเป็นเรื่องน่าเห็นใจอย่างยิ่ง โดยทำงานอย่างเข้มข้นและขะมักขะเม่น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับบุคคลเหล่านี้ รวมถึงทหาร ตำรวจ ที่เสียสละยอมเสี่ยงต่อโรคเข้าไปช่วยเหลือประชาชน” นายอนุชา กล่าว

สำหรับการดูแลพระ และวัดในพื้นที่เสี่ยง นายอนุชา กล่าวว่า ขั้นแรกได้มีการสั่งการตั้งแต่ต้น โดยในเรื่องของวัดและกิจของสงฆ์ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งสำนักพุทธศาสนาพยายามประสานความร่วมมือกับทุกวัด หากวัดใดมีปัญหาขอให้ประสานงานมา โดยเฉพาะการเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด ได้มีข้อสั่งการของมหาเถรสมาคม กำชับทุกวัดให้เผาศพผู้ป่วยโควิด เพราะศพไม่ได้อันตราย แต่ที่อันตรายคือการรวมตัวทำพิธีฌาปนกิจของญาติ ซึ่งเป็นความเสี่ยงนำเชื้อไปสู่วัดเเละบุคคลอื่น ส่วนพระที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น เขตคลองเตยให้งดกิจของสงฆ์ เช่น การออกบิณฑบาตและการรับของจากญาติโยม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด-19 ศปม. เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 24 เมษายน 2564 รับส่งผู้ป่วยไปแล้ว 255 ราย (ยอด ณ วันที่ 4 พ.ค. 64) นอกจากนี้กรมสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยได้จัดทำแอพพลิเคชั่น Covid Tracking เพื่อติดตามสถานะของเคลื่อนย้ายผู้ป่วย