‘แกงส้ม’ กลายเป็นคำยอดฮิตในชั่วข้ามคืน หลังจากมีการโพสต์ เรื่องสินสอดมูลค่าเป็นแสน แต่ไม่มีสกิล แม้ทำแกงส้ม ควรจะฟรีมากกกว่า กลายเป็นวิวาทะในโลกโซเชียล ไม่เพียงในประเด็นความรัก ความสัมพันธ์ชายหญิง และความสำคัญของสินสอด แต่ล่วงล้ำไปถึงประเด็นหลักการทางศาสนาด้วย
หลังผูู้ใช้เพสบุุ๊ค Adil Siripatana ที่ถูกระบุว่า เป็นช่างภาพระดับดอกเตอร์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ไม่เห็นแปลกเลย ถ้าอุตส่าห์เสียสินสอดเป็นแสนแล้วคาดหวังสกิลเล็กๆน้อยๆเช่นทำแกงส้มได้
ถ้าไม่มีสกิลอะไรที่จะมาเป็นประโยชน์ในชีวิตครอบครัวหลังแต่งงานเลย แล้วคาดหวังให้ผู้ชายต้องจ่ายเป็นแสนนี่สิ แปลก
ไม่มีสกิล = ฟรี ก็ควรจะถูกแล้วป่ะ?
ฟรีก็แต่งได้หนิ ไม่เห็นแปลก
ทำใหเกิดเสียวิพากษ์วิจารณ์และตีความไปต่างๆนานา ซึ่งมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในระยบะเวลา2-3 วัน 2,000 กว่าคนและแชร์อีก 20,000 ครั้ง ทั้งคอนเมนต์ในเชิงขำขัน ความรัก ครอบครัว รวมถึงในเชิงปรัชญา
Surissada Sothiwanwongse ระบุว่า หาเมียหรือหาเเม่ครัว
ภาพวิว ทะบรรหาร อย่าลบนะคะ หนูชอบ ดูโง่ดี
Ma Mew เก็บเงินแสนไปซื้อแกงกินเหอะคะ จบ
ในเชิงปรัชญาถูกมองว่า เป็นความคิดของพวกอนุรักษ์นิยม
น่าสนใจดี ขอวิเคราะห์หน่อย
ความคิดของคุณ Adil Siripatana พูดแบบภาษาชาวบ้านคือเด็กเนิร์ดสไตล์ “facts doesn’t care about your feelings” หรือ “I’m just asking questions” ซึ่งเห็นได้บ่อยจากฝั่งอนุรักษนิยม (ในสังคมขวาจัดในไทย คนแบบคุณAdil อาจจะดูเหมือนเป็นซ้าย เพราะกล้าวิจารณ์ศาสนา/สถาบัน/ผู้มีอำนาจ แต่ในมาตรฐานโลก เขาเป็นอนุรักษนิยมที่ยังเชื่อในระบบระเบียบทำเนียมประเพณี ลองแตะๆถามเรื่องเพศที่สามดู แตะๆเรื่องcancel cultureดูได้ จะเริ่มเห็นว่าภาษาจะเริ่มออกขวาขึ้นเรื่อยๆ
(*เขียนเพิ่มเติม: แต่เนื่องจากคนขวาเหล่านี้ มีงานการอาชีพและสังคมวิชาการที่เต็มไปด้วยคนซ้ายๆ จะแสดงความเห็นตรงๆก็ยากและขัดขวางการก้าวหน้าของชีวิต จึงต้องหลบอยู่ใต้การตั้งคำถาม หรืออ้างfactที่สมเหตุสมผลเพื่อซ้อนความหมายจริงๆที่ต้องการจะสื่อ แต่ไม่กล้าพูดตรงๆ)
เริ่มต้นจากวางpositionตัวเองในเป็นกรรมการตรงกลางระหว่าง ชาย และ หญิง ในตลาดการแลกเปลี่ยนที่ชื่อว่า “สินสอด” ราวกับว่ามันเป็นfree marketแท้จริง ที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีอำนาจต่อรองอย่างเสรีเท่าเทียม (ซึ่งเป็นความคิดขวามากๆ) แต่จริงๆมันไม่ ถ้าคิดแบบซ้าย เพราะผู้หญิงเสียเปรียบกว่า ไม่ว่าจะจากสังคม จากculture จากร่างกายของฝ่ายหญิงที่ต้องเป็นฝ่ายตั้งท้อง ซึ่งเพราะความไม่เท่าเทียมนี้เองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดประเพณีสินสอดขึ้น
ถ้ามองฝ่านเลนส์ขวาๆแบบคุณAdilแล้ว ใช่เลย คำถามเรื่องแกงส้มโคตรfair โคตรไม่มีปัญหา เพราะชายและหญิงคือผู้เล่นเกมส์นี้ที่เริ่มต้นด้วยแต้มเท่ากัน
คำถามคือเขาเลือกที่จะตั้งประเด็นแบบนี้เพราะอะไร? (เช่น ทำไมเลือกการทำอาหารมาเป็นประเด็นนี้ ทำไมใช้คำว่าloserอธิบายผู้ชายที่เลี้ยงผู้หญิงไม่ได้) ข้อความต่อไปนี้คือการคาดเดา…
1. เขาegoสูง เขายึดประสบการณ์ตัวเอง เพราะ นั่นคือสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อภรรยาเขา มองภรรยาเขาเองว่านี่คือการแลกเปลี่ยนแฟร์ๆ เขาหาเงินให้ภรรยา แล้วภรรยาก็ทำอาหารเลี้ยงลูก ทุกคนhappy ก็ราบรื่นได้ไม่มีปัญหาดังนั้นคนอื่นก็ไม่ควรมีปัญหา พ่อแม่เขาก็ไม่มีปัญหา คนรอบตัวเขาก็ไม่มีปัญหานิ
2. เขาขวาจริงๆอย่างบริสุทธิ์ใจ อาจจะเพราะถูกล้างสมองด้วยศาสนาหรือความเหยียดเพศลึกในตัวที่ไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่เขาเชื่อว่า ผู้หญิงมีหน้าที่บางอย่าง (เช่นทำอาหาร) ผู้ชายมีหน้าที่บางอย่าง (เลี้ยงดู aka. อย่าเป็น loser) แล้วทั้งสองฝ่ายเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันตามหน้าที่ของตนบนfree market
3. เขาชอบเอาชนะ เขารู้ว่าการเลือกใช้คำว่าแกงส้ม ใช้การทำอาหาร มันจะtriggerพวกซ้าย พวกfeministที่เขาหมั่นไส้ แล้วพวกนั้นจะใช้อารมณ์(ซึ่งก็เหมาะสมดี คนเราโกรธได้ไม่ผิด)ใส่ แล้วเขาจะได้ใช้ “เหตุผล”ในการตอบโต้เพื่อ”own the libs” เพื่อจะได้สะใจ จะได้พูดว่า “ฮ่าๆพวกนี้ดิ้นกันใหญ่ ฉันพูดอะไรผิดเหรอ? ฉันมีเหตุผลจะตาย ดูๆๆพวกนี้ดิ้นตลกชิบหาย”
*มีการแก้คำผิดและเว้นวรรค์เพิ่ม*
Rizkee A Masaning
ดราม่าทัวร์ลงแต่ละทีก็เหนื่อยนะ ต้องมาอธิบายมาเคลียร์ประเด็นกัน แชทปกติไม่ค่อยมีใครทักก็ทักมาเสือกบ้างมาให้กำลังใจบ้างแบบรัวๆ55 ซึ่งก็มีคนเก็ทไอเดียหรือเก็ทที่ผมต้องการนำเสนออยู่แล้วแหละ ว่าเจตนารมณ์หรือจริตการใช้คำแมสแซสที่ผมต้องการจะสื่อมันเป็นยังไง แน่นอนว่ามันก็มีคนที่คิดแบบเดียวกับเรา และคนที่มองเราอีกแบบไปเลยเป็นธรรมดา การใช้ภาษาที่สั้นๆห้วนๆไม่ครอบคลุมความหมายโดยแท้มันก็อาจจำเป็นต้องมีการขยายความจากผู้มีความรู้จริงๆ (ซึ่งต้องขอบคุณทางอาจารย์อามีนอีกครั้งด้วยละกันครับ) มันเหมือนเรากำลังมองคนละเรื่องเดียวกัน ซึ่งผมโอเคนะถือเป็นบรรยายกาศการแลกเปลี่ยนที่ดี (อาจมีแซะมีแขวะไปบ้างก็ขออภัยอีกครั้ง55) ตามไปอ่านได้ผมแชร์ไว้แล้วขี้เกียจมานั่งพิมพ์อธิบายสำหรับใครที่ตามขบวนไม่ทัน
ต้องขอบคุณคุณอาฎิ้ล
Adil Siripatana ด้วยที่ช่วยรับไม้ต่อทัวร์ลงในเวลาไล่เลี่ยกันต่อมา555 อันที่จริงผมอ่านโพสต์นั้นทีแรกก็เก็ทนะว่ามันมีRefจากโพสต์แกงส้มก่อนหน้า เอามาขยายความต่อแบบขำๆเชิงParodyประชดด้วยตรรกะเดียวกัน ถ้าใครที่ตามอ่านตลอดก็คงคิดแบบเดียวกับผม แต่พอมันโอเพ้นเป็นสาธารณะมันก็เปิดกว้างให้ตีความได้หลายแบบ จากคนที่ไม่รู้จักกันแต่ต้นจนทัวร์ลงในท้ายที่สุด555 บทจะทัวร์ลงบางทีมันก็มาโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจนั่นแหละนะ
ถ้าจะให้แนะนำวิธีการรับมือ ก็คงบอกได้แค่เพียงว่า แคร์เฉพาะคนที่เราแคร์ก็พอแล้วมั้ง ครั้งนึงเคยโดนทัวร์ลงกล่าวหาว่าเป็นสลิ่ม ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ติดตามเราหรือรู้จักเรามาตลอดจะทราบดีว่า กูเนี่ยนะสลิ่ม555 บอกใครที่รู้เค้าคงตลกมาก คนที่รู้เค้าจะเก็ทในสิ่งที่เราเป็น เก็ทในไอเดียที่เรานำเสนอโดยไม่ต้องมานั่งอธิบายเยอะให้มากความ และถ้าเป็นคนที่เราแคร์ด้วยแล้ว เราก็อยากให้ความสัมพันธ์อันดีถูกสานต่อ พยายามประคับประคองความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ เราอาจไม่ต้องคิดเห็นเหมือนกันทุกเรื่องก็ได้ แต่ถ้าเป็นคนที่เราแคร์ เราไม่สนอยู่แล้วว่าตัวตนของเขาจะเป็นสลิ่ม เป็นสามกีบ เป็นสลาฟี่ เป็นมุสลิมลิเบอรัล หรือเป็นอะไรตามแต่ชื่อเรียกกัน ตราบเท่าที่เราแคร์และอยากมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันต่อไป ไม่ยื้อ
อีกด้านหนึ่ง โพสต์ได้ถูกโยงไปในประเด็นทางศาสนา ที่อิสลามกำหนดให้จ่ายมะฮัร หรือสินสอดให้กับเจ้าสาว