เลือดไหลออก!! สะท้อนภาพจริง หรือ ลวง ของ ลูกพระแม่ธรณีบีบมวยผม

100

ปรากฏการณ์ ”เลือดไหลออก” ของสมาชิกพรรค ประชาธิปัตย์ สะท้อนภาพ อนาคตการดำรงคงอยู่ของ พรรคการเมือง สำคัญของไทย ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “สถาบันทางการเมือง” แต่ เพราะเหตุใด สมาชิกพรรค จึงทยอยกันลาออก อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 การจัดงานดินเนอร์ทอล์ค ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายใต้ชื่องาน GO Together, Go Further “ ที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ห้อง บีบีซี ฮอล แกรนด์ บอลรูม เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อระดมทุน เป็นเสบียงกรัง ไว้ทำศึกเลือกตั้งครั้งใหญ่ ปรากฏว่าทำได้ตามเป้าหมาย ที่ นิพนธ์ บุญญามณี รองหน.พรรคปชป. ในฐานะแม่งานใหญ่ ตั้งเป้าไว้ คือ  200 ล้านบาท

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากแกนนำคนสำคัญของปชป.แล้วยังมี ตัวแทนจากภาคเอกชน นักธุรกิจชื่อดัง มาร่วมโต๊ะอาหารเลิศหรู ที่มี ปูอลาสก้า และ ไขปลาคาเวียร์ เสิร์ฟยั่วน้ำลาย รวมทั้งเมนู รสเด็ดอื่นๆ คับคั่ง

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หน.พรรคปชป. เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาฯพรรค ยืนต้อนรับ แขกเหรื่อผู้มีเกียรติ อยู่หน้างานด้วยรอยยิ้ม นอกเหนือจาก ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน , อลงกรณ์ พลบุตร และ บุคคลอื่นๆ อีกมากมายแต่ที่น่าสังเกตุ คือ ในงานวันนี้ ไร้เงา อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บุคคลสำคัญ ในฐานะ อดีตหน.พรรค ปชป. อดีตนายกรัฐมนตรี รวมอยู่ด้วย !

หลายๆคนไม่ยอมปริปากบอกถึงสาเหตุ ที่ “อภิสิทธิ์” ไม่มาร่วมงาน แต่ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า มันคืออะไร หลังจาก ปชป.เข้าร่วมรัฐบาล กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ “อภิสิทธิ์”  คือ บุคคล ที่ ประกาศชัดเจน ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 ว่า จะไม่สนับสนุน พลเอกประยุทธ์  ระบุในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า

” ชัดๆ เลยนะครับผมไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกต่อแน่นอน การสืบทอดอำนาจ สร้างความขัดแย้ง และขัดกับอุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ ที่ว่าประชาชนเป็นใหญ่ 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจย่ำแย่ประเทศเสียหายมามากพอแล้ว “ที่สำคัญ พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ประกาศนโยบาย หาเสียง ชัดเจนว่า “ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร” แต่ปรากฏว่าหลังเลือกตั้ง พรรค ปชป. นำโดย “จุรินทร์-เฉลิมชัย” กลับกลืนน้ำลาย ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล

สะท้อนภาพ การเปลี่ยนไป จาก พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ หนักแน่น ไม่ก้มหัวให้ เผด็จการ รัฐประหาร  ดังนั้นในเวลาต่อมา จึงได้เห็นภาพ “เลือดไหลออก” จาก พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการ ทยอยลาออกจาก สมาชิกคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค, สุรเชษฐ์ มาศดิตส์, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์, ไพร พัฒโน ,อภิชัย เตชะอุบล, นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ และ วิฑูร นามบุตร ฯลฯ 

 เอกณัฐ พร้อมพันธ์ คนสนิทของ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯปชป. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ทุกคนเกิดมาเท่าเทียม มีเลือดสีเดียวกัน มุ่งมั่นทำงานให้พรรคกันเต็มที่แหละครับ ถ้าหากได้รับโอกาสที่เท่าเทียม… ความสำเร็จสร้างด้วยความสามารถ ความเพียรพยายามความมุมานะ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน… ลองทบทวนสิ่งที่พูดออกมาดีๆ นะครับ การใช้วาทกรรมเลือด “แท้” หรือ “เทียม” แบ่งแยกชนชั้นคนนั้น เหมาะสหรือไม่ใน ยุคนี้” ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกปชป. แถลงถึงการลาออกของสมาชิก ปชป.ว่า พรรคเคารพในการตัดสินใจของสมาชิกพรรคที่ได้ลาออก ส่วนจะไปดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในพรรคการเมืองใดคงไม่สามารถตอบแทนได้ แต่กรณี ของ อภิชัย เตชะอุบล สส.บัญชีรายชื่อ ต้องเอาความจริงมาพูดกันว่า  “ทุกคนคงทราบกันดีนายอภิชัยได้มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคการเมืองอื่นมานานแล้ว อาจจะมีเหตุผลพิเศษที่ไม่ต้องการลาออกจากสมาชิกพรรคได้ คือ หากลาออกก็จะหลุดจาก สส.ทันที แต่ขณะนี้คงเห็นแล้วว่าอายุของสภาผู้แทนราษฎรเหลือไม่มากก็เลยตัดสินใจลาออกไปทำงานการเมืองกับพรรคการเมืองอื่นนั่นเอง”

“อย่างไรก็ตาม พรรคเป็นสถาบันทางการเมือง ผ่านความเปลี่ยนแปลงมามากมายหลายสถานการณ์ สิ่งที่สำคัญที่พรรคดำเนินการมาตลอดคือมุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้าเพื่อประชาชน ขณะนี้ต้องถือว่าการเลือกตั้งใหญ่กำลังจะมาถึงทุกคนในพรรคมีความตั้งใจ ร่วมมือกันเพื่อก้าวไปข้างหน้าทุกคนในพรรคคือส่วนสำคัญของพรรค การเปลี่ยนแปลง แปรเปลี่ยนของตัวบุคคลเกิดขึ้นได้เสมอ แต่พรรคประชาธิปัตย์ จะต้องอยู่เพื่อทำงานให้กับประชาชนและประเทศตลอดไป” นั่นคือปรากฏการณ์ บางส่วนต่อกรณี “เลือดไหลออก” ของ ปชป.กระนั้นก็ตามที ต้องยอมรับความจริงว่า ประชาธิปัตย์ คือ พรรคการเมือง ที่มีบทบาทมาอย่างยาวนานในวงการเมืองไทย  ก่อตั้งขึ้น เมื่อ วันที่ 6 เม.ย.2489 โดย นายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวพรรคคนแรก มี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นเลขาฯพรรค ถัดจาก นายควง ก็เป็น ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช, พ.อ.ถนัด คอมันตร์, พิชัย รัตตกุล, ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หน.พรรคปชป.คนปัจจุบัน

พรรคประชาธิปัตย์ มีสัญลักษณ์ประจำตัวคือ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ได้รับการยกย่องว่า เป็น “สถาบันทางการเมือง” จากยุคที่ก่อตั้งเมื่อปี 2489 ผ่านมาถึงปัจจุบัน รวมแล้วกว่า 76 ปี  มีสีฟ้า เป็น ภาพจำ ที่ทำให้ทุกคนรู้ว่าเป็น สีของประชาธิปัตย์

 ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกรุ่นเก่ายุคแรกๆ ของ ปชป. ได้กล่าวถึง ปรากฏการณ์ “เลือดไหลออก” ของปชป. ระหว่าง การสัมมนา ที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

“ในช่วงหลังคนลาออกจากพรรคไปหลายคน ต้องยอมรับว่าบางคนมาหาผมถึงบ้าน บางคนโทรศัพท์มาเล่า ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขาเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าการบริหารงานในพรรค ใจแคบ มีการดูเฉพาะกลุ่มคนของนายจุรินทร์ บางคนก็บอกว่าระแวงว่า ในช่วงสมัยของทั้งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณจุรินทร์ มีอำนาจแฝงชักใยอยู่เบื้องหลังที่มีอำนาจมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรับฟังมา แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง หรือเกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่เป็นสิ่งที่กินใจคนเหล่านั้น นายไตรรงค์กล่าวจะจริงหรือไม่อย่างไร แต่เป็นประเด็นที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ต้องนั่งลงตั้งสติ คิดอย่างตรึงตรอง และยอมรับความเป็นจริง ความเป็นจริงว่า 76 ปีของประชาธิปัตย์ ก็ยังมีสนิมเหล็กกัดกร่อนพรรคอยู่” ก็ไม่รู้ว่า ประเด็นสำคัญ ที่ ดร.ไตรรงค์ กล่าวถึง “การบริหารในพรรค ใจแคบ” หรือ “มีอำนาจแฝงชักใยอยู่เบื้องหลัง” มันคืออะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ทั้ง “อภิสิทธิ์-จุรินทร์” รวมถึง “ดร.ไตรรงค์” ต้องออกมาตอบให้สังคมกระจ่าง ไม่ใช่เก็บ อมพะนำ ให้ อึมครึม เพราะอย่าลืมว่า อีกไม่กี่วัน จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ทั้ง 50 เขต ในพื้นที่ “เมืองกรุง” ทั้งหมด

หากไม่เลือกที่แสดงความจริงให้กระจ่าง ย่อมกระทบถึง ความศรัทธาของ สมาชิกปชป.ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คะแนนเสียงของชาว กทม. ที่ส่วนใหญ่ ต่าง และ ล้วน ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์

การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และ สมาชิกสภากรุงเทพฯ  เป็นการเลือกตั้งองค์กรท้องถิ่นที่ สำคัญ ซึ่งจะชี้ชะตา อนาคตของพรรคปชป.ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.คนล่าสุด ก็เคยเป็นคนของ ปชป. โดย การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ครั้งนี้ ปชป.เลือก   “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นักวิชาการหนุ่ม อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.

“ผมเชื่อมั่นความเป็นหนึ่งเดียวของเราจะเรียกคืนความเป็นประชาธิปัตย์ใน กทม.กลับคืนมาได้ และเชื่อว่าความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคไม่มีวันเสื่อมคลาย เราต้องทำให้เขากลับมามีความศรัทธา และเชื่อมั่นพรรคเราอีกครั้งหนึ่ง นี่คือจุดเริ่มต้น ถ้าเริ่มต้นดีทุกอย่างเดินไปด้วยความราบรื่น ผมขอเทใจให้กับทุกคน นี่คือวันที่ผมรอคอยเมื่อกลับมาเป็นเลขาธิการพรรคครั้งที่สอง เพราะครั้งแรกส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ส่ง ดร.เอ้ ผมมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าประวัติศาสตร์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่อยู่ที่ทุกคนทั้งหมดจะช่วยกันทำ ขอให้ทุกคนเริ่มต้นเดินไปข้างหน้า สู้และชนะ” 

เป็นคำกล่าวปลุกใจสมาชิกพรรคปชป.คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคปชป. ที่ ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

สุดท้ายนี้ก็ต้องวัดใจ คนกรุงเทพฯ ว่าจะตัดสินใจ อย่างไร ต่อ อนาคตของพรรคปชป. โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. และ สก.ทั้ง 50เขต เพราะจะเป็น เครื่องวัด ชี้ชะตา ต่ออนาคตทางการเมือง ของ สมาชิกลูกพระแม่ธรณีบีบมวยผม ในวันข้างหน้าด้วยเช่นกัน !