เรียนรู้อย่างอบูฮานีฟะฮ​ สะลัฟตัวจริง

320
‘ต่างจากกลุ่มคนที่อ้างตนเป็นชาวสะละฟีย์ในปัจจุบันที่รับนิสัยแบบ​”ข้าทำถูกแต่เพียงผู้เดียว​ คนอื่นที่เห็นต่างจากข้า​ ล้วนเป็นพวกบิดอะฮหรือไม่ก็มุชริก” มาจากอาจารย์ที่มีวิธีคิดแบบนั้น​ จึงพร้อมจะถล่มโจมตีผู้อื่นที่เห็นต่างด้วยถ้อยคำหยาบคาย​ ไม่มีการให้เกียรติต่อผู้รู้อื่นใดนอกจากผู้รู้ในกระแสธารความคิดแบบตกขอบของตัวเองเท่านั้น
บทความโดย ดร.วิสุทธิ์ บินลาเต๊ะ
ไปตุรกีเที่ยวนี้​ (2-10 เม.ย.)​แม้จะมีภารกิจเรื่องการช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวเป็นหลัก​ แต่เมื่อวันที่​ 3 เม.ย.​ ก็ยังมีโอกาสละศีลอดกับลูก ๆ​ นักศึกษาไทยในอิสตันบูล​ และได้ให้โอวาทไว้สั้น​ ๆ​ ว่ามุสลิมตุรกีส่วนใหญ่ปฏิบัติตนในทางฟิกฮตามแนวทางของอิหม่ามอบูฮานีฟา​ หรือ​ ฮานาฟี​ (ฮ.ศ.​ 80-150) หนึ่งในอิหม่ามของอะฮลิสซุนนะฮวัลญะมาอะฮ​ ผู้ซึ่งเป็นฟะกีฮสะละฟีย์ตัวจริง​ เพราะท่านศึกษาหาความรู้จากตาบิอีนโดยตรง​ เช่น​ เชคฮัมมาด​ อบูสุลัยมาน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้จาก​อิบรอฮีม​ อันนัคอีย์และอัชชะอฺบีย์​ อีกทีหนึ่ง​ โดยบรมครูสองคนหลังเป็นผู้ศึกษาหาความรู้โดยตรงจากท่านอลี​ อบีฏอเล็บและท่านอับดุลลอฮ​ มัสอูด​ ผู้เป็นซอฮาบะฮของบรมศาสนทูต​ นบีมุฮัมมัด​ ศ็อลลัลลอฮอลัยฮิวะซัลลัม

อิหม่ามฮานาฟี​ เป็นผู้รู้จริงในศาสตร์สาขาต่าง​ ๆ​ แต่ท่านให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวิชาฟิกฮ​ จนกลายเป็นผู้วางรากฐานของสำนักฟิกฮ(มัซฮับ)​ฮานาฟี​ ซึ่งแพร่หลายไปทั่วโลกอิสลาม​ ท่านเป็นคนถ่อมตนและสมถะ​ อีกทั้งมีใจโอบอ้อมอารีอย่างมาก​ แต่ที่สำคัญการเติบโตท่ามกลางกระแสความคิดต่าง​ ๆ​ และความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจจากการเป็นพ่อค้าของท่านช่วยให้ท่านมีความลุ่มลึกและเต็มไปด้วยสุขุมคัมภีรภาพ​ เมื่อท่านตอบโต้ประเด็นความคิดที่ผิดเพี้ยน​ ท่านจะมีความแหลมคมจนยากที่ใครจะต่อกรได้
อิหม่ามชาฟิอี​ ซึ่งเกิดในปีที่ท่านอาบูฮานีฟาเสียชีวิตและเป็นผู้วางรากฐานสำนักกฎหมายชาฟิอี​ กล่าวยกย่องอาบูฮานีฟาว่า​ เราต่างเป็นหนี้บุญคุณและต้องพึ่งพาอาศัยอาบูฮานีฟา
แม้จะมีความเห็นต่างกันจำนวนมากระหว่างอิหม่ามผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่าน​ แต่การให้เกียรติแก่กันและกันเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของผู้รู้ชาวสะลัฟตัวจริง
ต่างจากกลุ่มคนที่อ้างตนเป็นชาวสะละฟีย์ในปัจจุบันที่รับนิสัยแบบ​”ข้าทำถูกแต่เพียงผู้เดียว​ คนอื่นที่เห็นต่างจากข้า​ ล้วนเป็นพวกบิดอะฮหรือไม่ก็มุชริก” มาจากอาจารย์ที่มีวิธีคิดแบบนั้น​ จึงพร้อมจะถล่มโจมตีผู้อื่นที่เห็นต่างด้วยถ้อยคำหยาบคาย​ ไม่มีการให้เกียรติต่อผู้รู้อื่นใดนอกจากผู้รู้ในกระแสธารความคิดแบบตกขอบของตัวเองเท่านั้น
อิหม่ามอาบูฮานีฟา​ ก็เป็นหนึ่งในผู้รู้ที่ถูกโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มตกขอบดังกล่าว
ทั้ง​ ๆ​ ที่เอาเข้าจริงแล้ว​ หากจะสืบสายความคิดแบบสะละฟีย์ในปัจจุบันไปให้ถึงชาวสะลัฟในยุค​ 300​ ปีแรก​ ก็ทำไม่ได้​ เพราะถ้าจะเอาท่านดาวูด​ อัซซอฮิรีย์​ ซึ่งเกิดในปี​ ฮ.ศ.​255 เป็นอาจารย์​ ก็ควรเข้าใจว่าแนวคิดแบบซอฮิรียะฮได้ล้มหายไปจากโลกอิสลามนับแต่สิ้นเชคดาวูดแล้ว​ ก่อนจะถูกฟื้นฟูอีกครั้งโดยอิบนุตัยมียะฮ​ ผู้ซึ่งมีชีวิตในศตวรรษที่​ 8 ซึ่งหมายความว่าห่างกับเชคดาวูดถึงประมาณ​ 500​ ปี​ !!!
สาแหรกความคิดจึงขาดตอนไปเพียงยุคอิบนุตัยมียะฮ​ และแนวคิดแบบอิบนุตัยมียะฮก็ขาดตอนยาวนานจนมาถึงยุคเชคมุฮัมมัด​ อิบนุอับดิลวะฮาบ​ ในฮิจรอฮศตวรรษที่​ 12​ ซึ่งก็ห่างจากอิบนุตัยมียะฮถึง​ 400​ ปี​ !!!
ถ้าจะอ้างสะลัฟ​ ก็ควรเรียนรู้อย่างมีสายสาแหรกความคิดไปถึงสะลัฟตัวจริง​ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะรับเอานิสัยใจคอที่ถ่อมตนและให้เกียรติผู้รู้มาด้วย
แต่สะลัฟแบบจับฉ่ายนี่ สร้างปัญหามากกว่าประเทืองปัญญา