20ปีกองทุนซากาตมูลนิธิศูนย์กลางอิสลามฯ จุฬาราชมนตรีเน้นการจัดการซากาตขจัดความยากจน

20ปีกองทุนซากาตมูลนิธิศูนย์กลางอิสลามฯ ให้ทุนเด็กกำพร้า-ยากจน จนสามารถตั้งตัวได้จำนวนมาก จุฬาราชมนตรีกระตุ้นมุสลิมจัดการซากาตเพื่อช่วยขัดความยากจน ระบุเป็นความงดงามของสังคม ที่คนมีฐานะ สร้างโอกาสให้คนจนสามารถยืนอยู่ได้

วันที่5 พฤษภาคม 2568 จุฬาราชมนตรี นายอรุญ บุญชม เป็นประธานเปิดงาน 20 ปี ‘รากฐานแห่งการให้ สู่ความงดงามของสังคม’ เป็นการจัดงานครบรอบ 20 ปีกองซากาตของมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศ ที่ได้ก่อตั้งในสมัยที่ดร.อิมรอน มะลูลีม เป็นประธานมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามฯ มีนายชาคริต กรีมี เป็นประธานกองทุนซากาต

ซากาต เป็นหนึ่งในหลักปฏิบัติที่สำคัญของอิสลาม ซึ่งบังคับให้มุสลิมที่มีทรัพย์สินเกินเกณฑ์ที่กำหนดต้องบริจาคทรัพย์สินบางส่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ซะกาตไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความเสมอภาค และความเมตตาระหว่างมุสลิม แต่ยังเป็นการทำให้ทรัพย์สินที่สะสมไว้มีความสะอาดและบริสุทธิ์

ชาคริต กรีมี ประธานกองทุนซากาตมูลนิธิเพือศูนย์กลางอิสลาม

มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามฯ จัดตั้งกองทุนซากาต ตามหลักการศาสนาที่ผู้ฐานะดีกว่าได้ช่วยเหลือคนมีฐานะด้อยกว่า ดำเนินการมาครบ 20 ปี จึงจัดงานเพื่อเผยแพร่ผลงานและความสำเร็จของกองทุน ที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามหลักศาสนา สามารถเข้าถึงผู้ขาดแคลน ทั้งการมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนนักศึกษา เด็กกำพร้า รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ผู้ประสบภัย งานนี้ยังจัดขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

‘กองทุนซากาตมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามฯ เริ่มก่อตั้งด้วยเงินรบริจาค 8-9 แสนบาท ปัจจุบันกองทุนมีเงินหมุนเวียนปีละ 8-9 ล้านบาท ให้การช่วยเหลือโดยไม่หักค่าใช้จ่าย ส่วนใหญ่ใช้เป็นทุนการศึกษานักศึกษาที่ยากจน เป็นทุนต่อเนื่องจนจบระดับปริยญาตรี ซึ่งได้ให้ทุนผ่านไปหลายรุ่นนับหลายร้อยคน ปัจจบันให้ทุนนักศึกษาต่อเนื่องประมาณ 50 ทุน เป็นทุนค่าเทอมและค่าเป็นอยู่รายเดือน ซึ่งจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งเด็กที่ได้รับทุน เมื่อจบการศึกษาได้ทำงานสามารถพึ่งพาตัวเองได้ และกลับมาช่วยเหลือสังคม เป็นการให้ซากาตแบบยั่งยืน’ นายชาคริต กรีมี ประธานกองทุนฯและประธานจัดงาน กล่าว

‘ทุกการให้ไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตผู้รับ แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนกลับมาเป็นผู้ให้ในอนาคต … “กองทุนซะกาต” จึงเปรียบเสมือนรากฐานที่หยั่งลึกเพื่อพยุงสังคมให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน’ นายชาคริต กล่าวและว่า ไม่เพียงการสนับสนุนทุนการศึกษา แต่กองทุนซากาตมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางฯ ยังให้การดูแลด้านสังคมสงเคราะห์บ้านเพลิงไหม้ หริอคนที่ยากลำบาก อย่างตอนน้ำท่วมใหญ่มูลนิธิฯก็ให้การช่วยเหลือจัดทำอาหารไปแจกจ่าย

นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ได้ปาฐกถาพิเศษว่า วันนี้เชื่อว่า พวกเราที่มาทุกคนมีความรู้สึกตรงกัน ยินดีและอิ่มอกอิ่มใจ ในฐานะที่เป็นผู้ให้และเราก็ได้เห็นผลของการให้ว่ามันได้ผลิดอกออกผลที่งดงามตามมา ในศาสนาอิสลามนั้นเรื่องของการจ่ายซากาตได้ถูกกล่าวไว้(ในอัลกุรอ่าน)พร้อมกับละหมาดมากกว่า 32 อายะห์ด้วยกัน อย่างเช่น อายะห์ที่ว่า ‘พวกท่านทั้งหลายจงละหมาดและจ่ายซากาต’ เป็นอายะห์หนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของซากาต

‘ในเมื่อละหมาดเป็นเสาของศาสนา ‘ผู้ใดดำรงการละหมาด ผู้นั้นดำรงศาสนาไว้ ผู้ใดทิ้งละหมาด เท่ากับผู้นั้นทำลายศาสนา’ ซากาตก็เปรียบเหมือนเสาของสังคมเป็นเสาหลักที่จะทำให้สังคมอยู่ได้ เพราะในสังคมของเราอิสลามยอมรับว่า มีความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องของฐานะ ในเรื่องของริสกีที่อัลเลาะฮ์(ซ.บ.)ประทานให้ อัลเลาะฮ์ (ซบ.) ตรัสในคัมภีร์อัลกุรอ่านว่า ‘เราได้แบ่งปันปัจจัยยังชีพให้แก่พวกเขาเอง’ หมายถึงอัลเลาะฮ์ เป็นผู้แบ่งปัน พระองค์บอกว่า ‘เราได้ให้บางส่วนแก่พวกเขาสูงกว่า’คือให้มากกว่า ไม่ได้ให้มาเท่าเทียมกัน ‘เพื่อที่จะได้พึ่งพาอาศัยกันและกัน’ เพราะโลกเรานี้ หากคนเราเกิดมาทุกคนร่ำรวยกันหมด โลกก็อยู่ไม่ได้ ถ้าหากยากจนกันหมด โลกนี้ก็อยู่ไม่ได้เช่นเดียวกัน เด็กเกิดมา มีเงินในบัญชี 100 ล้านเหมือนกันทุกคน โลกนี้ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้่ เกิดมาไม่มีอะไรเหมือนกันหมดทุกคน ไม่มีริสกีติดตามมาด้วย ก็อยู่ไม่ได้’

‘การอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)มีฮิกมะห์ให้คนเรามีฐานะที่แตกต่างกันก็เพื่อที่จะได้พึ่งพาอาศัยกัน แต่การจะให้อาศัยกันโดยหวังจากความเมตตาจากคนรวยเพียงอย่างเดียว คนรวยก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสม อัลเลาะฮ์ จึงได้กำหนดเป็นหน้าที่เป็นฟัรดูว่าคนรวยที่มีทรัพย์สินนั้น จำเป็นต้องจ่ายซากาต จากจำนวนเงินที่เก็บเอาไว้ครบรอบปี ก็จำเป็นต้องจ่ายซากาต2.5% จากจำนวนเงินที่เก็บเอาไว้ได้ นำมาช่วยเหลือคึนที่ด้อยโอกาสคน ขัดสน คนยากจน’

นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี

นบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.)กล่าวถึงการจ่ายซากาตไว้เหมือนกับเป็นคำมั่นสัญญาของท่าน ที่บอกว่า ทรัพย์นั้นจะไม่ลดหย่อนลงไปจากการทำซอดาเกาะห์ จากการบริจาคทาน จากการจ่ายซากาต จริงอยู่ตามตัวเลขมันอาจจะลดหย่อนลงไป ถ้าเรามีเงิน 1 ล้านบาทในบัญชี ครบรอบปีต้องจ่ายซากาต 2.5 หมื่นบาท เงินก็ลดไป 2.5 หมื่นบาทแต่สิ่งที่ลดในตัวเลขนั้นจะไปเพิ่มพูนในส่วนอื่น ในทรัพย์สินที่เรามีอยู่ที่อื่นราคาอาจจะเพิ่มสูงขึ้น หรือจากการที่อัลเลาะฮ์ให้เขามีสถขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ต้องเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลไม่ต้องหมดค่ายาค่ารักษา ซึ่งอาจจะหมดไปมากกว่านั้น นั้นคือคำสัญญาที่นบีบอกเอาไว้ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านนบีบอกก็แน่นอนว่า ต้องเป็นความจริงเราเชื่อมั่นอย่างนั้นว่า การที่เราจ่ายซากาตการที่เราทำสะเดาะเกาะห์ไป ทรัพย์จะไม่ลดน้อยแต่อย่างใด แต่จะเพิ่มขึ้นในทางอื่น กิจการค้าขายดีขึ้น ธุรกิจของเราดีขึ้น เป็นสิ่งที่อัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)โปรดประทานให้

ที่อายะห์กุรอ่าน ที่มีการอ่านเปิดงาน มีความหมายว่า ‘ถ้าจะเปรียบแล้วผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์ของเขาไปในหนทางของอัลเลาะฮ์(จ่ายซากาต)นั้น ก็เปรียบได้กับเมล็ดข้าว 1 เมล็ดที่มันได้งอกเงย เป็น 7 รวง และในแต่ละรวง จะมี 100 เมล็ด’ หมายความว่า อัลเลาะฮ์จะเพิ่มพูนทรัพย์สินของเขาที่บริจาคในหนทางของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)ด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าสิ่งที่เขาจะได้รับตอบแทนนั้น 700 เท่า ท่านบริจาค1 บาท จะได้รับผลตอบแทนจากอัลเลาะฮ์ 700 บาท เป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.)

จากรายงานของผุ้จัดงาน ทำให้ทราบถึงความงดงาม จากรากฐานของการให้เป็นเหมือนว่า เราได้กระทำ ที่เป็นการให้เบ็ดไม่ใช่ให้ปลา เพราะถ้าให้ปลาก็เป็นเพียงแค่อาหารมื้อหนึ่งที่เมื่อผู้รับๆเอาไปแล้วเขาก็ได้ทานปลาตัวนั้น แต่ถ้าเราให้เป็นเบ็ด ก็เหมือนเราให้ช่องทางวิธีการที่จะทำมาหากิน สิ่งที่เขาได้รับมาต่อเนื่องและยืนยาว

‘การที่มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางฯจัดมอบซากาตให้นักเรียนมาเป็นเวลา20 ปีแล้ว เราก็ได้เห็นผล มีผู้ที่จบการศึกษาในระดับปิญญาตรีเป็นจำนวนมาก และได้ไปประกอบอาชีพตามความรู้ความสามารถที่เขามี เป็นความงดงามของสังคมที่ยั่งยืน คนยเหล่านั้นเมื่อมีอาชีพการงานจับจ่ายใช้สอยเลี้่้ยงตนเองและครอบครัว และจะเป็นผู้ที่จ่ายซากาต ไม่ใช่เป็นผู้ที่รับแต่เพียงอย่างเดียว ดร.ยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวี (อดีตมุฟตีอียิปต์) กล่าวเอาไว้ว่า ซากาตขจัดความยากจน คนยากจนก็คือคนที่ด้อยโอกาสไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนที่จะไปประกอบอาชีพตามความถนัดของเขาได้ จะไปขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินก็ต้องใช้หลักประกัน มีแผนการดำเนินงานในทีสุดคนยากคนจนก็ไม่มีโอกาสได้รับเงินทุน จากสถาบันการเงิน เพราะการดำเนินการเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก อิสลามจึงเปิดโอกาสให้ซากาตเข้าถึงมือคนยากจน ศาสนาต้องการให้ซากาตเป็นเรื่องมือในการขจัดความยากจนในสังคม การให้ทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้ด้วยช่องทางของซากาตเป็นสิ่งที่จะมาขจัดความยากจน’ จุฬาราชมนตรี กล่าว

ผู้นำศาสนาอิสลามในประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ในสังคมมุสลิมมีความตื่นตัวกันมากอย่ามูลนิธีอัลเกาษัร ก้ได้จัดตั้งซากาตเพื่อช่วยเหลือคนยากจน ได้สร้างบ้านพักให้คนด้อนโอกาสในภาคใต้หลายหลัง ช่วยเหลือคนยากจน ขัดสน ช่วยเหลือเด็กกำพร้า มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามฯ ก็ได้ทำงานนี้มาเป็นเวลา 20 ปี ผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัด การที่เราได้มาร่วมงาน ชมผลงานของมูลนิธิฯก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ให้ความร่วมมือกันต่อไป

สำหรับบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น รอยยิ้มแห่งการให้ โดยมีผู้นำศาสนา นักวิชาการ และผู้แทนองค์กรมุสลิมกว่า 300 คน เข้าร่วมงานเพื่อร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจให้สังคมร่วมเดินหน้าบนเส้นทางแห่งการแบ่งปันอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการ “ความเป็นมาและผลงานของกองทุนซะกาตและการกุศล” มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมา “กองทุนซะกาตและการกุศล” มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินงานอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง โดยเติบโตเคียงข้างมูลนิธิ ฯ ทั้งในมิติของความโปร่งใสในการบริหาร การสร้างสรรค์โอกาสทางการศึกษา การช่วยเหลือผู้เดือดร้อนโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และการเสริมพลังให้ผู้รับสามารถกลับมาเป็นผู้ให้ในอนาคต นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จอันทรงคุณค่า ที่สะท้อนถึงการสืบสานเจตนารมณ์จากอดีตสู่ปัจจุบันอย่างกลมกลืนไร้รอยต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพลังศรัทธาของผู้ชำระซะกาต และผู้มีจิตเมตตาทุกท่าน ซึ่งล้วนเป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนกองทุน ให้สามารถสร้างคุณประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและยั่งยืน เพราะทุกการให้ ไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตผู้รับ แต่ยังร่วมกันสร้างสังคมที่งดงามและยั่งยืนได้อย่างแท้จริง “จากรากฐานแห่งการให้ สู่ความงดงามของสังคมที่ยั่งยืน”