มทภ.4 เรียก ผบ.หน่วย 3 จชต.ถกด่วน ปรับแผนรับมือป่วม-บึมใต้ หลังสังเวยทหาร 7 ศพ เน้นพาคนกลับบ้าน

203

แม่ทัพภาค 4 เรียก ผบ.หน่วยในพื้นที่ถกด่วน เพื่อปรับยุทธวิธีรับมือผู้ก่อเหตุใน 3 จชต. พร้อมสั่งกำชับทหารให้เข้าถึงประชาชน และอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนให้มากขึ้น ขณะที่ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจง นโยบายการพาคนกลับบ้าน เพื่อเปิดช่องทางให้ผู้ที่เห็นต่างจากรัฐที่ต้องการยุติการใช้ความรุนแรงมาต่อสู้ในแนวทางสันติ…

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีกระแสข่าวในสื่อออนไลน์ต่อต้านนโยบายและการดำเนินโครงการพาคนกลับบ้านว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มโจรใต้ โดยเฉพาะกรณีหนังสือของ น.ส.นำรุ่ง รุ่งกิจประการ ผู้อำนวยการโรงเรียนแสงวิจิตร ยะลา ที่ได้แสดงความคิดเห็นโดยขาดพื้นฐานความรู้และความเข้าใจในนโยบายแห่งรัฐ โดยเฉพาะโครงการพาคนกลับบ้านและได้มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจ โฆษก กอ.รมน.ภ.4 ส่วนหน้า
ดังนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ในฐานะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยินดีรับฟังและให้การเคารพในทุกความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนที่เป็นประโยชน์ในการนำมาเป็นแนวทางปรับปรุงการแก้ไขปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ข้อคิดเห็นดังกล่าวต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง เป็นไปได้ สมเหตุสมผลและเกิดประโยชน์กับส่วนรวมอย่างแท้จริง โดยตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการให้โอกาสต่างๆ เช่น การสอบเข้าทำงาน การรับงานจ้างในพื้นที่ เป็นต้น “โครงการพาคนกลับบ้าน เป็นโครงการที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน โดยมีหลักการและเหตุผลที่สำคัญเพื่อเปิดช่องทางให้ผู้ที่เห็นต่างจากรัฐที่ต้องการยุติการใช้ความรุนแรงมาต่อสู้ในแนวทางสันติด้วยการช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายและปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความคิด ความเชื่อที่ถูกบิดเบือนให้ใช้ความรุนแรงแบบสุดโต่งต่อพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติศาสนา ทั้งนี้ ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ให้งานทำ ให้ที่ดินทำกิน ให้ค่าตอบแทน หรือไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย จึงเห็นได้ว่าไม่เป็นไปตามที่ น.ส.นำรุ่ง กล่าวอ้างแต่อย่างไร” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว
เรียกผบ.นขต.ทภ.4 ปรับแผนด่วน
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวด้วยว่า ผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการดังกล่าวได้รับกระแสตอบรับจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรระหว่างประเทศเพราะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติวิธี ที่ไม่ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล ตลอดจนทำให้ผู้เห็นต่างจากรัฐมีความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐ และกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น โดยมีผู้เข้ารายงานตัวแสดงตนแล้วกว่า 4,500 คน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการช่วยแจ้งข่าวสารที่เป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปสู่การป้องกันและระงับเหตุร้าย รวมทั้งสามารถขยายผลไปสู่การติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เข้าไปพบปะสร้างความเข้าใจกับ น.ส.นำรุ่ง รุ่งกิจประการ ผอ.ร.ร.แสงวิจิตร ยะลา (โรงเรียนสอนตัดเสื้อผ้า) ซึ่งได้เข้าใจนโยบายดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งยินดีเข้ามามีส่วนร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้บรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป พื้นที่โดนผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด
ขณะที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 4 ด่วน เพื่อหารือการปรับแผนเรื่องการรักษาความปลอดภัย และการป้องกันตนเองของหน่วยกำลังในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จชต. ที่มณฑลทหารบกที่ 46 โดยห้ามไม่เห็นมีผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
ผู้ไม่หวังดีก่อเหตุ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ว่าหลังเกิดเหตุระเบิดที่ทุ่งยางแดง จนส่งผลให้มีทหารได้รับบาดเจ็บ 5 นาย และเสียชีวิต 6 นาย ทำให้ต้องปรับกำลังและยุทธวิธีให้เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิมและยอมรับว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มกำลังในการลงพื้นที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนให้มากขึ้น โดยได้สั่งการให้ทหารเข้าถึงประชาชนอย่างใกล้ชิดทั้งในหมู่บ้าน การเดินทางตามท้องถนน โดยที่ชาวบ้านไม่ต้องร้องขอ และหน่วยที่ประจำพื้นที่โดยเฉพาะกำลังทหารพรานกำลังทหารหลักจะต้องเข้าถึงประชาชนให้มากกว่าเดิมจากที่เคยปฏิบัติอย่างไรก็จะให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
มทภ.4ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐทีวี “กลุ่มผู้ก่อเหตุมักจะลงมือแบบลอบกัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งนี้การเพิ่มกำลังได้มีการทำมาก่อนหน้านี้แล้ว นับจากนี้จะเพิ่มการปฏิบัติทั้งการเข้มงวดตามด่านต่างๆ ให้มากขึ้น และหมุนเวียนอัตรากำลังเพื่อไม่ให้เกิดความอ่อนล้า ขณะเดียวกัน ได้สั่งงดลาทั้งผู้บังคับหน่วย และผู้ใต้บังคับบัญชาจนกว่าจะสิ้นเดือนรอมฎอน และจะให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว.

Cr.Thairath