สุราษฎรฯเพิ่ม 800 รายชื่อตกหล่นการช่วยเหลือจากอุทกภัยปี 59

152

จังหวัดสุราษฎร์ธานีชี้แจงกรณีช่วยเหลือผู้ประสบภัยอำเภอท่าชนะที่มีรายชื่อตกหล่น
วันนี้ (1ก.ค.60) ณ ห้องประชุมตาปี ชั้น4 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายศุภวัชร ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แถลงข่าวการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอำเภอท่าชนะ ตามที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เกิดภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่อำเภอท่าชนะ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2559 – 31 มกราคม 2560 ซึ่งทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉินเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2559 โดยครั้งที่ 1 ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2559 จำนวน 646 ครอบครัว เป็นเงิน 3,175,670 บาท และครั้งที่ 2 ผู้ประสบภัยที่ ตกหล่นยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออีกจำนวน 896 ครอบครัว เป็นเงิน 3,145,500 บาท ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เสนอคณะกรรม ก.ช.ภ.จ.พิจารณาช่วยเหลือโดยใช้เงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องจากเงิน ทดรองราชการในอำนาจของนายอำเภอได้ใช้จ่ายไปหมดแล้ว
จากนั้นจังหวัดสุราษฎร์ธานีขอขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ด้านการดำรงชีพของอำเภอท่าชนะ จำนวน 896 ครอบครัว เป็นเงิน 3,145,500 บาท ส่วนกรณีนางทุเรียน สุทธิ ชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งไม่มีรายชื่อในการขอรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย เนื่องจากได้ยื่นขอรับความช่วยเหลือต่อทางอำเภอท่าชนะเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นการยื่นขอรับความช่วยเหลือหลังจากทางอำเภอได้ส่งเรื่องเพื่อเข้าประชุม ก.ช.ภ.จ.แล้ว จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ประสานอำเภอท่าชนะเพื่อให้การให้การช่วยเหลือ นางทุเรียน สุทธิ พร้อมผู้ประสบภัยรายอื่น ๆ ที่ตกค้างเพื่อพิจารณาประสานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อขอขยายระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
ทั้งนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีระเบียบและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นครอบครัว ๆ ละไม่เกิน 11,000 บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันบาท) ไม่ว่าครอบครัวนั้นจะมีสมาชิกกี่คนก็ตาม กรณีเครื่องนุ่งห่มได้รับความเสียหาย ให้ความช่วยเหลือเป็นรายบุคคลรายละไม่เกิน 1,000 บาท (หนึ่งพันบาท) ดังนั้นการจ่ายเงินให้แต่ละครอบครัวจึงอาจมีจำนวนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและความเสียหายและสมาชิกของแต่ละครอบครัวมิได้เกิดจากสภาพพื้นที่ เช่น บ้านหลังแรกหรือบ้านหลังสุดท้าย หรือบ้านที่อยู่ตรงกลางแต่อย่างใด