อดีตสามีพิ้งกี้เปิดใจ สถานะคือจบ สาเหตุหย่า …คาดหวังสูง แต่สิ่งที่ได้…

4502

จากกรณที่ พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช ออกมาเปิดใจยอมรับว่าได้เลิกรากับ สามีเพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง ทายาทรุ่นที่ 3 เจ้าของที่ดินรายใหญ่เมืองพัทยาตระกูล “ชวลิตธำรง” แล้ว และปัจจุบันได้ย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่ประมาณ 1 อาทิตย์ รวมทั้งเผยว่าไม่ได้ทะเลาะรุนแรง แต่มีกระทบกันบ้างตามประสาสามีภรรยา พร้อมยืนยันไม่มีมือที่สาม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะความต่าง เนื่องจากตนเป็นคนวงการบันเทิง แต่สามีเป็นนักธุรกิจ ที่ผ่านมาอยากให้ตนเปลี่ยนมาทำธุรกิจ แต่เป็นสิ่งที่ตนไม่ถนัด จึงกลายเป็นความกดดัน จึงแยกทางกันด้วยดี โดยพิงกี้จะกลับมาทำงานในวงการบันเทิงต่อไป

 

ต่อมา “เพชร-อิทธิ” ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรกว่า “สาเหตุในการเลิกครั้งนี้ น่าจะมาจากหลายเรื่องประกอบกัน พยายามหาต้นสายปลายเหตุในการเลิกอยู่ แต่ยังไม่ค่อยกระจ่าง ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในช่วงง้อพิ้งกี้ มันอยู่ในช่วงต้องการความสงบ มีสติ วันนี้สถานะของเราคือจบกันแล้ว แต่ผมกำลังงงอยู่ว่าเรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง และที่พิ้งกี้ให้สัมภาษณ์ก็ค่อนข้างเบี่ยงประเด็น มันไม่ได้เป็นสาเหตุที่แท้จริงสำหรับผม เรามีจุดสรุปกันไปแล้วว่าเลิกกัน ซึ่งก็ไม่ได้ติดใจอะไรกันอีก แต่ผมอยากรู้ว่ามันเกิดจากอะไร”

“สำหรับก่อนนี้ที่มีข่าวว่าพิ้งกี้เป็นนกน้อยในกรงทอง อยากทำงาน แต่ผมห้ามไม่ให้เขาออกไปทำงานนั้น คนในวงแคบๆ ก็ทราบดีอยู่แล้ว คือข้อเท็จจริงตรงนี้มันกลับกัน ต้องมาดูกันก่อนว่าทำไมผมและพิ้งกี้จึงแต่งงานกัน อะไรคือสาเหตุให้ 2 คนมาอยู่ร่วมกัน วันแต่งงานเราพูดอะไรกันไว้ พอผลลัพธ์ออกมาอีกแบบแล้วมาถามผมตรงนี้ ผมก็ไม่อยากพูดเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องของมือที่สาม”

เมื่อถามย้ำว่าเพชรไม่เคยห้ามพิ้งกี้ทำงานในวงการใช่หรือไม่ นักธุรกิจหนุ่มตอบว่า “ไปดูเทปวันแต่งงานว่าเราคิดอะไร พูดอะไร และตั้งใจทำอะไรให้กัน มันคือความเชื่อมั่นที่คน 2 คนได้ให้กันไว้ ผมจำได้นะที่สื่อมวลชนถามผมว่ามีการให้คำมั่นสัญญาอะไรกันไว้บ้างหรือเปล่า ผมยังจำได้ผมตอบไปว่าไม่ต้องให้คำสัญญาอะไรกัน การกระทำมันพูดดังกว่าคำพูด ปกติการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนเป็นหลักก่อนค่อยออกไปหาคนอื่น แต่น้องพิ้งกี้ค่อนข้างมีความรักครอบครัวเก่าสูง ทั้งชีวิตเขาก็อยู่กับตรงนั้น เมื่อมาอยู่กับผมเขาก็ไม่มีความคุ้นชิน และเขาก็ไม่รู้ว่าชีวิตเขาต้องทำอะไร มันเลยออกมาคล้ายๆ แบบนั้น”

“คุณอาจบอกว่าคุณยังเด็ก อาจทำอะไรให้ผมได้แค่ 1-5 อย่าง ผมก็บอกว่าไม่ต้องถึง 5 อย่างหรอก ให้แค่ 3 อย่างผมก็น้ำตาร่วงแล้ว แต่พอข้อเท็จจริงมันได้น้อยลงไปกว่านั้นอีก และกลายเป็นเหตุให้มาขัดแย้งกับคุณ ผมก็คิดว่าคุณอยากมีชีวิตที่มีความสุขของคุณเองโดยไม่มีผมหรือไม่ เพราะเหตุหนึ่งที่คุณไม่มีความสุข เพราะคุณมีผมหรือเปล่า นี่คือความคิดของผมที่ผมพยายามจะสื่อสารกับน้องเขาแบบนี้”

“ผมน้อยใจและเสียใจมากกว่า ผมเคยผ่านชีวิตคู่และการสมรสมาพอสมควร ผมเป็นคนที่คาดหวังกับคนรักสูงมาก ให้เขาทำตามที่เขาพูดและแคร์ผมเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมขอไม่ยาก เหมือนคนปกติทั่วไป แต่ตอนนี้มันเป็นการกระทำที่ทำให้ผมรู้ได้ว่าโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันอีกมีน้อยแล้ว ส่วนเรื่องนี้ทำให้เราไม่คิดมีทายาทหรือไม่นั้น ผมว่าไม่เกี่ยว ผมมองที่ผลลัพธ์การไม่มีทายาทก็เป็นเรื่องโชคดี แต่ถ้าเรายังอยู่ด้วยกันแล้วเราไม่มีทายาทนั้นเป็นเรื่องโชคไม่ดีครับ น้องยังมีความเป็นเด็กอยู่เยอะ เวลาเกิดปัญหาผมก็พยายามปรับตัวเข้ากันแล้วเพื่อชีวิตคู่ ผมทำตลอดเวลา ผมยืนยันได้เลยว่าเราจบกันด้วยดีครับ” อดีตสามี พิ้งกี้ สาวิกา กล่าว..
Cr.dailynews.co.th/