ซึ่งในตอนแรกพ่อแม่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักที่เธอตัดสินใจเลือกผู้ชายคนนี้ ทั้งที่มีผู้ชายอีกหลายคนที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งฐานะ เงินทอง หน้าที่การงาน ถือได้ว่ามีความเหมาะสมมากกว่าผู้ชายคนนี้เอามากๆ นอกจากนี้ผู้ชายบางคนก็เสนอจะให้ค่าสินสอดเป็นเงิน 30 ล้านก็มี!! แต่เธอก็เลือกที่จะมาใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากหัวใจ!?
ถ้าคบไม่ได้ก็ต้องทำแบบนี้!! และนี่จึงกลายเป็นจุดพลิกผันชีวิตของคุณหนูฮาย่า“ตอนแรกพ่อแม่ก็ไม่ได้สนับสนุนค่ะ ซึ่งพ่อกับแม่เองก็ไม่ได้รู้จักผู้ชายคนนี้ดีมาก โดยมองแต่ภายนอกของเขา แล้วก็คิดไปว่าถ้าเราไปอยู่กับเขา เราลำบากแน่ๆ กลัวว่าผู้ชายคนนี้จะพาชีวิตไปตกต่ำ และมีแต่จะถอยหลัง” แต่ด้วยหัวใจที่หนักแน่นของฮาย่า ที่ไม่ได้มองแค่ภายนอกอย่างที่พ่อและแม่ของเธอมอง แต่เธอกลับมองเห็นมุมที่แตกต่างจากคนอื่น นั่นก็คือความดีของผู้ชายคนนี้นั่นเอง และเธอคิดว่าจะสามารถทำให้เขามีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องเกี่ยวกับเงินทองหรือทรัพย์สมบัติ อย่างที่ผู้หญิงคนอื่นเขาต้องการกัน เพราะฮาย่าไม่ได้ขาดอะไรเลยในเรื่องเงินทองหรือความสุขสบายและสุดท้ายฮาย่าก็ได้แต่งงาน และตัดสินใจออกมาใช้ชีวิตสร้างครอบครัวกับคนที่เธอเลือก!!
หลังจากที่แต่งงานกันแล้ว ทั้งคู่ก็ได้ชีวิตต่อสู้ด้วยกันเพื่อพิสูจน์ให้พ่อกับแม่ของเธอเห็นว่า เธอและสามีสามารถมีความสุขได้ แม้จะไม่มีเงินเป็นล้านๆ ก็ตาม และที่สำคัญสามารถทำชีวิตให้ดีขึ้นได้ ซึ่งพ่อกับแม่ก็วัดใจด้วยการไม่ช่วยเหลืออะไรเลย แต่ลึกๆ ก็ยังมองดูอยู่ห่างๆ แต่ทางฝั่งของสามีเธอ คือ “มาน” โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากยายเพราะความรักและแอบเป็นห่วงหลาน จึงให้เงินมา 10,000 บาท เพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ และด้วยความที่ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นกันอยู่ เขาจึงพาเธอไปฮันนีมูนที่สิงค์โป พร้อมกับเงินก้อนนี้
“ใช่ครับ สิงค์โปเป็นประเทศในฝันที่ฮาย่าอยากไปมาก ผมก็เลยตั้งใจพาไปฮันนีมูน แต่รู้ไหมว่าเราไม่ได้จองที่พักหรือโรงแรมกันก่อนเพราะมันแพง เลยนอนกันที่ข้างสิงห์โต พ่นน้ำตรงนั้นเลย อยู่กันจนถึงเช้าและก็กลับไทย เหลือเงินกลับมา 5 พันบาท และจากนั้นเราก็คิดกันแล้วว่าจะต้องเอาเงินอันนี้มาลงทุนทำอะไรสักอย่างแล้วเพื่อความอยู่รอด เพื่อพิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นว่าผู้ชายที่ฮาย่าเลือกจะไม่ทำให้พ่อแม่เขาผิดหวัง”
จากวันนั้นทั้งสองคนก็จับมือกันสร้างฝันโดยการเริ่มขายผ้าคลุมหัวและลงทุนเริ่มจากการขายสบู่ 10 ก้อน แต่ด้วยความมานะ และอดทน ด้วยความรักที่สองคนเหนียวแน่นไม่ทิ้งกัน ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ อย่างลำพังจากตอนแรกที่ขายสบู่ได้วันละก้อนสองก้อน ล้มลุกคลุกคลาน ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดนโกงจากโรงงานบ้าง ถูกหลอกลวงบ้าง ชีวิตเจออุปสรรคมากมาย แต่ด้วยความอดทนและต่อสู้จนถึงที่สุด วัดกันสักตั้งว่าชีวิตจะหักเหไปได้สักขนาดไหน!!! แต่เพราะผู้ชายที่ใครๆ ก็ตราหน้าว่าไม่มีทางพาเธอไปได้ดี กลับเป็นแรงผลักดันอย่างแรงกล้า ทำทุกวิถีทาง สู้อย่างไม่ถดถอยมานเล่าว่า “หลายคนถามผมว่า ทำยังไงถึงมาจนถึงจุดนี้ได้ ซึ่งเวลาผมบอกไปเขาก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะผมเริ่มจากเงิน 5,000 บาท ก้าวบันไดทีละขั้น จากก้าวเล็กๆ แต่ก้าวไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ เราอย่าเพิ่งรีบมองไปข้างหน้า เรามองตัวเองก่อนว่าเราทุ่มเทกับมันมากแค่ไหน บางคนบอกว่า แค่มีเงินก็ทำแบรนด์ได้ ซึ่งมันก็ถูก แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีเงินเหมือนกันเสมอไป เพราะจริงๆ เราต้องสร้างเองก่อนทั้งนั้น จะมานั่งรอเงินแสนก็คงไม่ใช่ ผมเลยอยากเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังคิดอยากจะลงมือ แต่ยังไม่มีเงินก้อน ลองทุ่มเทด้วยกำลังของตัวเองก่อนเถอะครับ บางครั้งอาจไม่ต้องใช้เงินสักบาทเลยก็ได้”
จากจุดเริ่มต้นมาถึงวันนี้ ทั้งฮาย่าและมานได้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงได้ โดยใช้ชื่อว่า Hayalita ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร คือการคงความเป็นอิสลาม ที่ไม่เน้นความเซ็กซี่ แต่เน้นความเป็นตัวตนของคุณฮาย่าเอง และทำให้เป็นภาพที่จดจำง่ายอีกด้วย แถมล่าสุดยังได้รับรางวัลแบรนด์ดีเด่น จากการคัดเลือกทั้งประเทศกว่า 300 แบรนด์ ซึ่งเป็นที่ภูมิใจของทั้งคู่เป็นอย่างมากฮาย่าได้กลายมาเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิว ที่มีคนให้การยอมรับอย่างล้นหลามจริงๆ เพราะฮาย่า ใช้ความจริงใจในการผลิตสินค้าของตัวเองให้มีคุณภาพที่ดีจริงๆ จึงทำให้กิจการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว อยู่บนพื้นฐานของคุณภาพที่ดีจริง และราคาไม่แพง ใครได้ใช้ต่างก็ยอมรับ และบอกต่ออย่างกว้างขวาง
ปัจจุบันฮาย่าได้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัท Hayalita group จำกัด ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ของตัวเองมากกว่า 20 ชนิด และมีตัวแทนการขายมากกว่า 500 ท่านทั่วประเทศ สามารถช่วยตัวแทนให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลการตอบรับจากลูกค้าก็กว้างขวางขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสินค้าใช้ดีจริง และด้วยความจริงใจของฮาย่าในการผลิตแต่สินค้าดีๆ ให้ทุกคนได้ใช้ จึงทำให้กิจการเจริญขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าภาคภูมิใจทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ถ้าเธอไม่มีความแน่วแน่มั่นคง ไม่มีกำลังใจที่ดีจากคนรัก ไม่มีแรงผลักดันจากอุปสรรคต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่ทำให้เธอรู้ว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ชีวิตมีค่ามากแค่ไหน เพราะถ้าเธอยังอยู่ในจุดที่สบายก็จะไม่มีทางได้เรียนรู้อุปสรรคต่างๆ ซึ่งมันสอนให้รู้ว่าชีวิตจริงที่ไม่มีพ่อแม่ช่วยเหลือเหมือนลูกคนรวยคนอื่นๆ มันทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าตัวเองเข้มแข็งมากแค่ไหน
“การที่เรามาถึงจุดสูงได้ ไม่ใช่เราเก่ง แต่ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่ผลักดันให้เรามาถึงตรงนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจ และขอบคุณพันธมิตร ทีมงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่โคกัน ขอบคุณมากๆ คือตัวแทนและกำลังใจจากน้องๆ พี่ๆ ทุกๆ คนที่ทำให้ฮาย่ามาถึงจุดนี้ได้”
และนอกจากที่ธุรกิจประสบความสำเร็จแล้ว เธอยังมองว่า “การได้รับโอกาสถือเป็นเรื่องดีค่ะ เช่นเดียวกันเมื่อฮาย่าได้รับมาก็อยากคืนกำไรสู่สังคมบ้าง เพราะมองว่าการช่วยเหลือคนที่ลำบาก โดยเฉพาะเด็กๆ ที่กำพร้ายากไร้ให้พวกเขาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ หลายคนอาจมองว่าสิ้นเปลืองที่เราไปช่วยเหลือพวกเขา แต่ลองคิดดูว่า ถ้าเราช่วยเด็กคนหนึ่ง เมื่อเขาโตขึ้นไป เขาสามารถช่วยเหลือชุมชน สังคม ประเทศได้อีกมากมายเลยทีเดียว”
สำหรับมาน เขาก็มีความเห็นเช่นเดียวกับเธอ โดยบอกว่า “เราสองคนเห็นตรงกันว่าการให้เป็นสิ่งที่ควรจะทำ เราอย่ามองว่าเราเสียอะไรไป แต่ให้คิดว่าเขาได้รับอะไรจากเรา เขานำมันไปต่อยอดอะไรได้บ้าง เช่นกันเรื่องของความกตัญญูเราก็ไม่ควรละทิ้งครับ”
หมายเหตุ : จากนิตยสาร MTODAY ฉบับประจำเดือนมีนาคม 2559