จากโจรกระจอก แผนใครสร้างความแตกแยก 3 จังหวัดภาคใต้

2216

มีหลักฐานมากพอในปี 2546 ที่สื่อว่ารัฐบาลยุคนั้นคิดแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้แสนอุบาทว์ด้วยการให้คนไทยพุทธกับไทยมุสลิม เกลียดชังกัน โดยหวังว่าความรุนแรงที่เป็นผลมาจากความแตกแยกนี้จะลุกลามเป็นสงครามกลางเมืองก่อนนำไปสู่การแยกดินแดน ปัญหาไฟใต้ก็ยุติได้ รัฐบาลก็หมดภาระที่ต้องทุ่มเททรัพยากรในการปราบปรามโจรก่อการร้ายอีกต่อไป

งานนี้ไปเข้าทางสหรัฐที่หากทักษิณนำ 3 จชต. มาอยู่ใต้อิทธิพลก็จะสามารถยันจีนแถวหมู่เกาะสแปรตลี่ส์ในทะเลจีนใต้ไปพร้อมกับการขยายแสนยานุภาพจากด้านแปซิฟิกไปสู่มหาสมุทรอินเดียผ่านช่องแคบมาลักกาได้สะดวกทันที นั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้ยันจีนที่ต้องใช้พม่าเป็นทางออกลงอ่าวมะตะบันด้านทะเลอันดามันอีกทาง

จึงไม่น่าแปลกใจที่ทักษิณได้รับเทียบเชิญจากนายบุชให้มาเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2546 มีการลงนามรับรองไทยที่ได้เป็น “พันธมิตรพิเศษของนาโต้” ( Major Non-NATO Ally: MNNA) ก่อนทักษิณบินกลับกรุงเทพฯ แล้วเร่งทำการบ้านตามแผนสร้างความรุนแรง เพื่อให้เกิดมีการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเข้ามาระงับเหตุที่ 3 จชต. หลายรายการ อาทิ

1. วันที่ 12 สิงหาคม 2546 ตำรวจไทยนำกำลังเข้าจับกุมนายฮัมบาลีได้ที่อยุธยาก่อนส่งตัวให้ทางการสหรัฐโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมของไทยใดๆ นายฮัมบาลีเป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายตอลีบันสาขาเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (JI) ที่ซีไอเอของสหรัฐต้องการตัวมากที่สุดรองจากนาบบินลาเดนขณะนั้น วีรเวรของหัวหน้าผู้ก่อการร้ายรายนี้คือบงการระเบิดไนท์คลับที่บาหลีเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2545 มีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเสียชีวิตเกือบร้อยราย ไม่นับเหยื่อสัญชาติอื่นๆอีกหลายสิบคน

2. กันยายน 46 ถึงกันยายน 47 ประเทศ9ไทยส่งทหารสองผลัดเฉียดพันนายไปรบราฆ่าฟันแขกที่อิรัก เสียชีวิต 2 นาย

3. วันที่ 4 มกราคม 2547 ทักษิณบินลงไปที่ค่ายกองพันทหารพัฒนา เจาะไอร้องหลังเกิดกรณีโจรใต้บุกเข้าปล้นปืนไป 400 กว่ากระบอก มีการกล่าวสบปรามาสท้าทายว่า “โจรกระจอก” ส่วนทหารไทย 4 นายที่เสียชีวิตจากการต้อสู้กับโจรใต้ ทักษิณแทนการกล่าวสดุดีว่าเป็นตัวอย่างของความกล้าหาญที่สละชีพอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีของทหาร ทักษิณกลับผลิตวาทกรรมอุบาทว์ต่อหน้าเหล่าทหารในค่ายเจาะไอร้องว่า “สมควรตาย”!!

4. วันที่ 28 เมษายน 2547 ถล่มมัสยิด “กรือเซะ” ภายใต้บัญชาการของ ผอ. กอ.รมน. พัลลภ ปิ่นมณี มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุกว่า 30 คน

5. วันที่ 25 ตุลาคม 2547 ทักษิณบินไปสังเกตการณ์ในกรณี “ตากใบ” หน้า สภ. ตากใบ ที่มีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมราว 80 คนอย่างทรมาน หลังถูกจับมัดไพล่หลังให้ขึ้นไปนอนทับถมในรถบรรทุกทหารระหว่างทางไปค่ายทหาร

“โลกมุสลิม” (OIC: Organization of Islamic Cooperation) เฝ้าดูเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อจะตอบโจทย์ว่าอะไรคือที่มาของความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องมุสลิมในสาม จชต. ของไทย และออกแถลงการณ์ในปีนั้นว่า สาเหตุที่พบไม่ได้มาจากความเชื่อทางศาสนาในพื้นที่ที่แตกต่างกัน เพราะทั้งไทยพุทธและมุสลิมมิใช่เฉพาะในสาม จชต. แต่ทั่วทุกชุมชนของประเทศไทยที่มีคนต่างเชื้อชาติ ศาสนา ประเพณี ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ไม่ปรากฎว่าความแตกต่างดังกล่าวเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนในชุมชนนั้นๆ

รายงานของ”โลกมุสลิม” เป็นผลมาจากการการสำรวจวิจัยเชิงวิเคราะห์เจาะลึกภาคสนาม จึงประกอบด้วยข้อมูลเชิงปฐมภูมิเป็นหลัก และอาจเป็นกรณีศึกษาที่ควรได้ค้นคว้าต่อยอดว่าอะไรคือเงื่อนไขในบริบทของสังคมไทยที่นำไปสู่ข้อค้นพบที่ต่างไปจากทฤษฎีที่ว่าด้วยความขัดแย้งในชนกลุ่้มน้อยทั่วโลก

นัยยะที่ OIC ต้องการสื่อคือ ระดับชาวบ้านที่ไทยพุทธกับไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันในสาม จชต. ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ที่เห็นฆ่ากันน่าจะมีเหตุมาจากระดับนโยบาย

แน่นอน รายงานของโลกมุสลิมฉบับนี้ทำเอาทั้งทักษิณและนายบุชสะดุด แม้กองกำลังต่างชาติในนามของกองกำลังสันติภาพสหประชาชาติที่ซุ่มอยู่ในป่าเมืองกาญจน์ พร้อมที่จะไปโผล่ในสามจชต. แล้วก็ตาม

รมว. กลาโหม “รัมส์เฟลด์” ของสหรัฐก็ส่งสัญญาณผ่าน The Straits Times สิงคโปร์ในกลางเดือนพฤศจิกายน 2547 ว่าสหรัฐพร้อมส่งกำลังไปช่วยไทยปราบปรามการก่อการร้ายในสาม จชต. ทันทีที่รัฐบาลไทยร้องขอ

ณ วันนี้นโยบายใดๆที่เกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนใต้วันนี้ จึงต้องไม่มองข้ามประวัติศาสตร์ยุคที่ทักษิณทั้งชักศึกเข้าบ้าน และจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ไม่เว้นกโลบาย “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” ล่าสุด

Cr.เพื่อว่าคนไทยวันนี้จะไม่เผลอเอาพวกกากทักษิณ-ยิ่งลักษณ์
มาสร้างความแตกแยกในสังคมรอบใหม่! — กับ Pinit Arunsawat