เครือข่ายชาวพุทธโวย ผู้ว่าฯปัตตานี/ยะลา-เจ้าคณะจังหวัดไม่อนุมัติงบ

2623

ภาครัฐก็ตามแม้แต่เจ้าคณะจังหวัดซึ่งเป็นพุทธเองกับไม่ให้ความร่วมมือมันเป็นการสะท้อนถึงความมีนัยยะสำคัญ อย่างน่าสงสัยว่า…มีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่

เครือข่ายชาวพุทธเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมพุทธศาสนา ได้ออกแถลงการณ์ยุติโครงการเยี่ยมบำรุงขวัญ วัดและขาวพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดขายแดนใต้ โดยระบุว่าผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีและเจ้าคณะจังหวัดปัตตานีไม่ให้ความร่วมมือกับโครงการ บำรุงขวัญกำลังใจชาวพุทธของ ศูนย์ประสานงานเครือข่ายชาวพุทธ เพื่อคุ้มครองส่งเสริมพระพุทธศาสนาที่ดำเนินการโดยนายสมนึก ระฆัง ประธานเครือข่าย

แถลงการณ์ระบุว่า โครงการเยี่ยมวัดและชุมชนชาวพุทธฯ เป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะชาวไทยพุทธที่กำลังถดถอยจาก 3 พื้นที่ จชต. เนื่องจากประชากรที่มีมาตั้งแต่เดิมประมาณ พ.ศ 2547 ประมาณประชากรชาวพุทธ 3 แสนกว่าคน

ปัจจุบันเหลือเพียงแสนกว่าคนเนื่องจากสถานการณ์ที่รุนแรง มาตลอดและไม่มีทีท่าว่าจะสงบ

มีการส่งขัอความไปตามโลกโซเชียล ระบุว่า จากพฤติกรรมทั้ง 2 ประเด็นนี้

คือ 1 ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีและ 2 เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ไม่ตอบหนังสือรับของศูนย์ประสานงาน เครือข่ายชาวพุทธ (คพศ) ทั้งที่เป็นโครงการที่ดีทำให้เกิดความ รักสามัคคีเกื้อกูลกัน

แต่ภาครัฐก็ตามแม้แต่เจ้าคณะจังหวัดซึ่งเป็นพุทธเองกับไม่ให้ความร่วมมือมันเป็นการสะท้อนถึงความมีนัยยะสำคัญ อย่างน่าสงสัยว่า…มีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า

และนี่คือหนึ่งอย่างที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำและ การถดถอยของชาวพุทธใน 3 จชต ในระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา

ถามจริงๆคุณเป็นคนไทยพุทธหรือเปล่า.. .????

1 ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
2 เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี

นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงให้เกิดความขัดแย้ง โดยระบุว่า จนท.หน้าห้อง (เลขา ผจว .) ปัตตานี เป็น มุสลิม ลูกสาวของมุสลิมที่มีคำแหน่งทางศาสนา

ขณะเดียวได้มีการเรัยกร้องให้ชี้แจงกรณีไม่ตอบหนังสือรับของ ศูนย์ประสานงานเครือข่ายชาวพุทธด้วย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเกิดหายความเคลือบแคลงสงสัยในพฤติกรรมของท่านหรือท่านคือส่วนหนึ่งของกระบวนการหรือกลไกในการสร้างความไม่สงบในพื้นที่หรือไม่ ถึงไม่ตอบรับหนังสือของเครือข่ายชาวพุทธที่เป็นการสนับสนุนการทำงานของ เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งสอดรับกับนโยบายสร้างความสงบในสามชายแดนใต้
คือ

“โครงการพาคนกลับบ้าน ”

( ที่คนทั่วไปเรียกว่าโครงการพาโจรกลับบ้าน )

… พร้อมสวัสดิการทั้งเงินทุนและที่ทำมาหากินอาชีพ อย่างเป็นล่ำสัน ผิดปกติของการทำงานฝ่ายความมั่นคงที่ต้องกระทำกับผู้ก่อการร้ายหรือผู้ที่มีพฤติกรรม เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติจึงจะได้รับ คือลงโทษไม่ใช่ ตั้งโต๊ะเจรจาและเลี้ยงอาหารค่ำแบบนี้ )

ของ กอรมน ตามนโยบายของรัฐบาล คสช.ประยุทธ์จันทร์โอชา และคณะ
และโครงการ บำรุงขวัญกำลังใจชาวพุทธ ที่ทนายสมนึกดำเนินการอยู่ ในขณะนี้

เพื่อคืนความสงบสุขให้กับคนพุทธในพื้นที่และสังคมรอบข้าง ตาม เอกลักษณ์ และความเป็นผู้มีน้ำใจงามของคนไทยพุทธ ที่เราล้อมเติบโตมาด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาคือเมตตาธรรม อันเป็นธรรมประจำใจของชาวพุทธทั่วไป

ที่ เป็นเอกลักษณ์ของคนพุทธทั่วโลก
อหิงสา ไม่เบียดเบียน เพราะยึดหลักเมตตาธรรมพรหมวิหาร

จาก คนไทยพุทธ

สำหรับบทบาทของเครือข่ายชาวพุทธฯ

นายสมนึก กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการพูดคุยและประชุมหารือ ทางกลุ่มประชาชนชาวไทยพุทธ ในนามเครือข่ายชาวพุทธฯ ได้เคยยื่อข้อเรียกร้องเต่อรัฐบาลจำนวนทั้งหมด 12 ข้อ เมื่อปี 2560 มีรายละเอียด คือ

1. ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ติดตามคนร้าย เข้าคุก ไม่มีการอภัยโทษ
2. ความเท่าเทียมกันในทุกศาสนา
3. ให้ยกเลิกการเจรจาเพราะไม่ได้ผล
4. ให้ยกเลิกพาคนกลับบ้าน (พาโจรกลับบ้าน)
5. ทบทวนเงินช่วยเหลือต่างๆ เช่น ปอเนาะไม่ควรให้การช่วยเหลือ
6. ให้สิทธิต่างๆ เท่าเทียมกัน เช่น สิทธิบุตรสอบเรียนต่อ สอบตำรวจ สอบพยาบาล (ปัจจุบันสนับสนุนแต่อิสลาม)
7. การบริหารการปกครองในพื้นที่ให้ดี พื้นที่ต้องรู้ใครเข้า-ออก ใครอยู่บ้านไหน
8. ปฏิรูปการศึกษา จชต.
9. ปฏิรูปพระพุทธศาสนา
10. ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
11. ประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐเลือกปฏิบัติเหตุการณ์ไม่สงบเพราะเรื่องงบประมาณ
12. ให้มีการช่วยเหลือวัดเหมือนที่ช่วยเหลือมัสยิด

โดย นายไกรศร รองเลขาธิการ ศอ.บต. จะได้นำเสนอต่อผู้บังคับบัญชา และนำข้อเสนอดังกล่าวส่งให้รัฐบาลได้รับทราบ