“บิ๊กแดง”เห็นใจ “จ่าจำปา”ลูกกตัญญู ฝ่าด่านดูแล บุพการี สั่ง ผบ.พล.ร.5 ดูแลให้ดี

669

ผบ.พล.ร.5 ไฟเขียว เบิกตัว “จ่าจำปา”กลับตรังไปเยี่ยมแม่ เผย ผบ.ทบ. เห็นใจ สั่งดูแลให้ดีที่สุด ด้าน มทภ.4 รอผลกก.พิจารณาลดโทษหรือไม่ โดยจะไม่พิจารณาตามกระแสสังคม ย้ำคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งที่ กำลังพลทุกระดับชั้น ต้องยึดถือ โดยไม่มีข้อยกเว้น

วันที่ 20 เม.ย.63 เวลา 10.00 น. พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร.5) สั่งการให้พ.อ.อภินันท์ แจ่มแจ้ง เสนาธิการพล.ร.5 เบิกตัวจ.ส.อ.พีรศักดิ์ จำปา ตำแหน่งทหารสื่อสารประจำหมวดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 5 กองพลทหารราบที่ 5 (ร้อย.ลว.ไกล.5 พล.ร.5) ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางกลับไปเยี่ยมมารดาของจ.ส.อ.พีรศักดิ์ ภายหลังจากถูกลงโทษสั่งขังเป็นเวลา 45 วันพร้อมงดเบี้ยบำเหน็จ จากเหตุการณ์ที่มีการโต้เถียงกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมทั้งยังได้นำพ.ท.น.พ.เนาวพงษ์ พงษ์เจริญชัย ผบ.พัน.สร.5 และทีมพยาบาลจากโรงพยาบาลค่ายเทพสตรีศรีสุนทรทำการตรวจสุขภาพและจัดยาเวชภัณฑ์ รวมถึงพูดคุยให้กำลังใจ ที่บ้านพักของจ.ส.อ.พีรศักดิ์ในอ.ห้วยยอด จ.ตรัง โดยจ.ส.อ.พีรศักดิ์ได้สวมกอดมารดาด้วยความคิดถึง

ทั้งนี้พล.ต.ศานติ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้สั่งการให้พ.อ.อภินันท์ เบิกตัวจ.ส.อ.พีรศักดิ์กลับไปเยี่ยมมารดาและภรรยาที่บ้านพักในจ.ตรัง พร้อมทั้งจัดชุดแพทย์ โรงพยาบาลค่ายเทพสตรีศรีสุนทรไปตรวจร่างกายมารดาด้วย พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ซึ่งก็ได้พบทั้งมารดาและภรรยาจ.ส.อ.พีรศักดิ์ รวมถึงคนดูแลมารดา โดยทุกคนก็มีความเข้าใจดี และสภาพจิตใจของทุกคนที่ดีขึ้นมาก ในส่วนของจ.ส.อ.พีรศักดิ์ก็ยอมรับว่ามีความผิดทางวินัยจริง เนื่องจากไปพูดเสียงดังใส่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า จะมีการทบทวนคำสั่งการลงโทษ จ.ส.อ.พีรศักดิ์หรือไม่ เพราะกระแสสังคมโจมตีว่ารุนแรงเกินไป พล.ต.ศานติ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่คณะกรรมการ ซึ่งก็เป็นระดับผู้บังคับบัญชาของ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ในพล.ร.5 เป็นผู้พิจารณา ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่คดีอาญาที่มีความผิดรุนแรง ซึ่งความผิดทางวินัยสามารถลดโทษหรือเพิ่มโทษก็ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณา แต่ทั้งนี้ต้องมองว่าการที่มีความผิดทางวินัยนั้น เนื่องจากทหารทุกนายต้องปฏิบัติตามนโยบายของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ว่าในช่วงที่มีการประกาศใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นั้น ทหารต้องเป็นแบบอย่างให้ประชาชน และต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่าใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด ซึ่งด่านที่จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ไปเจอกับผู้ว่าราชการจังหวัดตรังนั้น เป็นด่านที่เปิดให้เฉพาะคนในพื้นที่จ.ตรังผ่านเข้าออกเท่านั้น แต่จ.ส.อ.พีรศักดิ์สามารถไปผ่านเข้าออกด่านอื่นได้ โดยทางพล.ร.5 มีหนังสือยืนยันให้เรียบร้อยตามขั้นตอน

“ต้องเข้าใจว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารนั้นเรามีระเบียบและวินัย เพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน เราจะไม่ใช่กระแสสังคมมาเป็นตัวกำหนด ต้องยอมรับว่าจ.ส.อ.พีรศักดิ์เองทำผิดคำสั่งผบ.ทบ. ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าพูดเสียงดังจริง ทั้งนี้หากจ.ส.อ.พีรศักดิ์สำนึกผิดแล้วก็อาจจะลดโทษลงให้ได้ เพราะไม่ใช่ความผิดคดีอาญา แต่วินัยก็คือวินัย และการดูแลก็คือการดูแลที่เราต้องทำอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามผบ.ทบ.และพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ก็มีความเข้าใจในเหตุการณ์นี้ โดยผบ.ทบ.ชมเชยว่าพล.ร.5 ทำถูกต้องแล้ว และก็เห็นใจจ.ส.อ.พีรศักดิ์ พร้อมเน้นย้ำว่าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่การช่วยเหลือก็ต้องเป็นไปตามระบบ” พล.ต.ศานติ กล่าว

ขณะที่พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงการทบทวนคำสั่งลงโทษ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ ว่า ขอรอผลการสอบสวนก่อนว่าจะปรับลดโทษอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากเป็นความผิดทางวินัยทหาร ไม่ใช่ความผิดทางอาญา ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา แต่ยืนยันว่าเราจะไม่พิจารณาตามกระแสสังคมกดดัน แม้ว่าจ.ส.อ.พีรศักดิ์จะมีเหตุผลที่จะขอเข้าพื้นที่ แต่ไม่ควรไปโต้เถียงหรือแสดงกิริยาท่าทางเช่นนั้น เนื่องจากเป็นนโยบายของพล.อ.อภิรัชต์ ได้สั่งการภายหลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในแต่ละด่านตรวจ และให้ปฏิบัติตามกฎของพื้นที่นั้นๆ

“ผมได้เห็นคลิปฯแล้ว แม้จะมีเหตุผลในการขอเข้าพื้นที่ แต่ก็ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียง หรือแสดงกิริยากับผู้ว่าฯเช่นนั้น ตอนนี้เข้าใจว่าสังคมเห็นใจ จ.ส.อ.พีรศักดิ์ แต่วินัยทหารเรื่องการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ และใช้บังคับกำลังพลทุกระดับชั้น ไม่มียกเว้น เพียงแต่ผู้บังคับบัญชาจะมีดุลยพินิจว่ามีเหตุผลสมควรต่อการลดโทษหรือไม่” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว