คมนาคม มีลุ้น!!”ศาลรธน.” รับวินิจฉัย ปม อายุความฟ้องคดี”ค่าโง่โฮปเวลล์”ขัดกม.

59

ศาลรธน.มีคำสั่ง รับคำร้อง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้วินิจฉัยอายุความ กระทรวงการคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอรื้อพิจารณาคดี “ค่าโง่โฮปเวลล์” ส่อไม่ชอบด้วยกฎหมาย

วันที่ 25 ธ.ค.63 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัยในกรณี ที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้อง ของ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขอให้วินิจฉัยว่า การที่ศาลปกครองสูงสุด นำมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/2545 วันพุธที่ 27 พ.ย.45 ที่กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือวันที่ 9 มี.ค. 2544 มาใช้อ้างอิงในคดีสัญญา สัมปทานโครงการโฮปเวลล์ เข้าข่ายเป็นการขัด หรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม มาตรา 188 และมาตรา 197 หรือไม่ และ ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนมติ หรือ การกระทำดังกล่าว

เนื่องจากพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบแล้ว กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 และให้ศาลปกครองสูงสุดส่งเอกสาร รายงานการประชุมตามมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่พุธที่ 27 พ.ย. 45 รวมทั้งระเบียบและเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 7 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ

สำหรับกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายรัฐ ในสัญญาสัมปทานโครงการโฮปเวลล์ ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่ามติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ส่งให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ ไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา มติดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ไม่สามารถใช้บังคับได้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบและมีมติเห็นว่า เมื่อมติที่ประชุมใหญ่ฯดังกล่าว ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สามารถใช้บังคับได้ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 5 มาตรา 6 และ มาตรา 44

อีกทั้งมติที่ประชุมใหญ่ฯดังกล่าวยังกำหนดให้เริ่มนับอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่ “ศาลปกครองเปิดทำการ” คือ ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 2544 ซึ่งผิดไปจาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 51 ที่บัญญัติว่าให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครอง ตั้งแต่วันที่ “รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี” ดังนั้นจึงเป็นการขัด หรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 188 และมาตรา 197 ทำให้เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ เป็นการกระทำที่ไม่อาจใช้บังคับได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 วรรคหนึ่ง ซึ่งบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิดังกล่าวสามารถใช้สิทธิทางศาลรัฐธรรมนูญได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม ผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงวินิจฉัยให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ60 ประกอบ มาตรา 46 พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561