‘นก บินซอและห์’ ผู้บริหารรุ่นใหม่ นำสินธรสเต็กเฮ้าส์ สู่แลนด์มาร์กมุสลิมแห่งใหม่

1981

สินธรสเต็กเฮ้าส์โฉมใหม่ ที่ย้ายจากถนนรามคำแหงมายังถนนศรีนครินทร์ ซอย 3 ไม่เพียงมีตึกใหม่ที่สวยงามหรูหรา แต่ยังปรับเปลี่ยนการบริหารสู่คนรุ่นใหม่ นก บินซอและห์ ทายาทของฮัจยีอิสมาแอล บินซอและห์กับฮัจยะห์โสภา รัตนาภิบาล ที่ได้สืบทอดการ บริหาร’ภัตตาคาร’แห่งนี้สู่ยุคที่ยุคใหม่ที่แตกต่าง ที่ต้องการนำพาภัตตาคารอันดับต้นๆของมุสลิม สู่ฮาลาลเทรนด์ใหม่ เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของสังคมมุสลิม

นก บินซอะและห์ ในวัย 28 ปี คลุกคลีกอยู่กับร้านสินธรสเต็กเฮ้าส์ ตั้งแต่ตั้งอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านสินธร จนย้ายมาตลาดแฮปปี้แลนด์ ขยายกิจการมายัง เชิงสะพานลำสาลี ที่เปิดไลน์บุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่าง รายแรกของร้านอาหารมุสลิม และเป็นภัตตาคารที่หรูหราที่สุดในยุคนั้นของสังคมมุสลิม บนถนนศรีนครินทร์

ภัตตาคารสินธนสเต็กเฮ้าส์ ให้บริการ 4 ส่วน คือ ส่วนของฟู๊ดมาร์ท ด้านหน้าให้บริการอาหารแปรรูป ส่วนภัตตาคาร ให้การบริการสเต็ก อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น ส่วนของฝ่ายจัดเลี้ยงชั้น 2 ให้บริกาารจัดงานเลี้ยงแต่งงาน งานสัมมนา และงานเลี้ยงทุกรูปแบบ และสุดท้ายส่วนของบุปเฟ์ให้บริการบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างและชาบู ตั้งอยู่บนชั้น 2 ปีกขวาติดถนนเข้าหมู่บ้านนักกีฬา

นก บอกกว่า ในช่วงการก่อสร้างร้านใหม่ ได้ตระเวณกินเนื้อย่าง เกือบทุกร้าน นำข้อดีข้อเสียนำมาพัฒนาร้าน ได้ออกแบบอาหารใหม่ๆ ดีไซน์ภาชนะโดยเฉพาะกระทะย่างเนื้อ ได้คิดค้นให้กระทะปิ้งย่างกับชาบูอยู่ในหม้อต้มเดียวกัน เป็นจุดขายที่ไม่มีร้านไหนทำ

‘ร้านใหม่แตกต่างจากร้านเก่าชัดเจน เริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ เน้นเนื้อนอกมากขึ้น เพื่อจับกลุ่มตลาดบน และตลาดกลางกับตลาดล่างก็สามารถเข้าถึงได้ อย่างทีโบน โทมาฮอร์ค ที่อื่นขาย 2-3 พัน เราขาย 800-900 บาท ที่เราขายได้ เพราะเราเป็นต้นน้ำ ทำครบวงจร สามารถเล่นกับราคาได้’ นก กล่าว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ยีแอล กิตติศักดิ์ ปล่อยมือ นำ’สินธรสเต็กเฮาส์’ สู่ลูกชาย ‘นก บินซอและห์’

ผู้บริหารสินธรสเต็กเฮ้าส์รุ่นใหม่ กล่าวว่า ในส่วนของการปรับเปลี่ยน เริ่มจากฟูู๊ดมาร์ท เน้นสินค้าที่สินธรผลิตเองมากขึ้นและตามทันตลาด แต่เดิมอาจจะมองว่า ถึงระดับหนึ่งก็เพียงพอแล้ว แต่ยุคใหม่จะไม่หยุดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยไม่เน้นราคาแพง แต่ต้องการให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเยอะๆ เน้นปริมาณ ให้สามารถขายได้ตลอดเวลากับทุกกลุ่ม

‘ยกตัวอย่างพนักงานกวาดถนนของกทม.ทำงานมาเหนื่อยๆ ก็มีโอกาสได้ทานเนื้อนอก ให้ทุกคนสามารถทานได้ ทุกคนจับต้องได้ เป็นจุดประสงค์หลักของสินธร และพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งตอนนี้กลุ่มลูกค้าที่เป็นนักเดินทาง กลุ่มแคมปิ้งก็จะเข้ามามากขึ้นเพราะซื้อของจากสินธรไปสะดวก เราหมักให้แล้ว ไปถึงก็สามารถปิ้งย่างได้เลย ราคาเมื่อเทียบกับเขียงอาจจะต่างกันนิดนึง แต่คุณภาพจะได้มากกว่า มีความเป็นพรีเมี่ยม เพราะของเราส่งขายร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ดังๆ ร้านใหญ่ๆอยู่แล้ว กลุ่มลูกค้าจึงหลากหลายขึ้น ต่างศาสนิกก้ได้เข้ามามากขึ้่น เราพยายามทำให้คนเข้าใจว่า มุสลิมไม่ใช่มีแค่ข้าวหมก ซุบหาง หรือเนื้อเค็ม แต่เราสามารถทำอะไรได้หลากหลาย อย่างฟู๊ดมาร์ทคนจะเข้าใจว่า เรามีเนื้อ มีหางแต่จริงๆเรามีเยอะ เบอร์เกอร์เนื้อหมัก เนื้อย่าง สินค้าเกือบทุกชนิดมีความหลากหลายมาก’ นก กล่าว

ส่วนของภัตตาคาร นก กล่าวว่า ด้วยโมเดลของร้านที่ดูหรูหรา จนลูกค้าคิดว่า ราคาแพง ก็ต้องทำการตลาดให้รู้ว่า ไม่แพงอย่างที่คิด ราคาจากที่เดิมไม่ต่างกันมาก บางตัวเท่าเดิม ไม่ได้ปรับเยอะ เพียงแค่บรรยากาศดีขึ้น ร้านเองก็ปรับปรุงต่อเนื่อง เสริมต้นไม้ น้ำพุ ให้ดูดี แต่คนมาทานแล้วจะเห็นว่า ไม่แพง จึงเป็นอีกสโลแกนหนึ่งว่า เป็นความหรูหราที่จับต้องได้ อาหารก็มีเหมือนเดิม หลักๆก็จะเป็นสเต็ก อาหารยุโรป อาหารไทย ก็ได้เพิ่มอาหารญี่ปุ่นเข้ามา ซึ่งร้านอาหารบริเวณชั้นล่าง สามารถจัดงานแต่งได้ 200 คน แต่หากต้องการความหรูหรา ก็ชั้นบน ตอนแต่งงานน้องสาวรับได้ 4,000 คน แต่ลูกค้าทั่วไป รับได้ประมาณ 2,500 คน อาหารแบบบุฟเฟ่ต์ มีที่จอดรถประมาณ 500 คัน มีทีมงานคอยอำนวยความสะดวก

ในส่วนของราคา ก็ไม่แพงปริมาณ 1,000 คน ราคา 320,000 บาท รวมหมดทั้งค่าสถานที่ ค่าอาหาร ถูกกว่าโรงแรม เพราะเราเป็นต้นน้ำ แต่สถานที่เราเป็นน้องๆโรงแรม พยายามทำให้คุณภาพกับราคาไปกันได้ ซึ่งลูกค้าก็แฮปปี้ เรามีทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์

‘ตอนย้ายจากร้านเดิม มีการเปลี่ยนแปลงสโคบที่ใหญ่กว่าเดิมมาก เราโปรโมชั่น 290 บาท/หัว แถมทองอีก 1 บาท เบ็ดเสร็จเราแจกทองไปร่วมๆ 50 บาท ซึ่งโปรโมชั่นนี้ได้หมดลงแล้ว’

มาถึงไฮไลต์หลักของสินธรสเต็กเฮ้าส์ คือส่วนของบุปเฟ่ต์ปิ้งย่าง นอก บินซอและห์ กล่าวว่า เป็นงานที่ท้าทาย มีการปรับราคาขึ้นเล็กน้อย จากร้านเดิม 279 บาท/หัว มาเป็น 339 บาทต่อหัว แต่เราก็ทำให้ลูกค้าเห็นว่า คุ้มค่า

‘ที่ท้าทาย เริ่มตั้งแต่เรื่องเตา ที่สามารถปิ้งยิ่งและชาบูในเตาเดียวกัน ที่สำคัญคือ เป็นเตาถ่านที่ปรับไฟได้ ซึ่งยังไม่เห็นของร้านมุสลิม ซึ่งเตานี้ ผมเป็นคนคิดค้นเองแต่ไปจดลิขสิทธิ์ช้า มีคนไปจดลิขสิทธิ์ก่อน เป็นกระทะเซฟร่อน ซึ่งแตกต่างจากเดิม แต่ยังคงเอกลักษณ์ปิ้งย่าง คือ มีกลิ่นถ่าน ตอนแรกลูกค้าก็ไม่เข้าใจ แต่เตานี้หลัง 5 นาทีไปแล้ว เอาไม่อยู่ เพราะเป็นเหล็กที่หนากว่าเดิม ที่ร้อนช้า แต่เมื่อร้อนก็เต็มที่’ นก กล่าว

เขากล่าวว่า ในส่วนของไลน์อาหารก็มีการปรับเปลี่ยน จากเดิมมีเนื้อสไลด์ ตัว 2 ตัวเราเอามาลงหมดเลย มีอะไรก็เอามาลงหมด ทั้ง พื้นท้อง เสือ ริบอาย สันนอก สันใน อก ประมาณ 7-8 ตัว ซึ่งร้านอาหารทั่วไปจะมีสินนอกกับริบอาย ยังมีเนื้อหมัก หมักนุ่ม พริกไทยดำ เสือหมักย่าง เสือหมักจิ้มแจ่ว ประมาณ 6-8 ตัว มีไก่อีก 3 ชนิด และก็มีทะเล ซึ่งไม่เน้น แต่ก็มีบริการสำหรับคนชอบทะเล

‘ผมบอกลูกค้า ถ้าเน้นของหนักๆมาที่นี่ เน้นเนื้อจอบโจทย์ ถ้าเน้นทะเลอาจไม่ตอบโจทย์มากนัก แต่ก็มีเหมือนเดิม 4-5 ตัว ผักก็มีเหมือนเดิม อาหาร ซูซิ 4-5 อย่าง ผลไม้ 4-5 อย่าง ขนมหวาน 6 อย่าง ที่สำคัญในราคา 339 รวมน้ำรีฟีล และได้สเต็กบุฟเฟ่ต์เติมไม่อั้น มีชาปากี ไอติม ซึ่งร้านเดิม 179บวกน้ำ เฉลี่ยแล้วประมาณ 330 บาท ราคาตอนนี้ 339 บาท ใกล้เคียงกัน และได้มากกว่าเดิม เรียกว่า เกินกว่าความคุ้มค่า’

ธุรกิจ 3 อย่างของสินธร เอื้อต่อกัน ทั้งฟู๊ดมาร์ท ภัตตาคาร และบุฟเฟ่ต์ ทานบุปเฟ่ต์แล้ว สามารถซื้อฟู๊กมาร์ทกลับไปบ้านได้

ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่ง คือ ฐานลูกค้า จากเดิมที่เน้นมุสลิมเป็นหลัก นก กล่าวว่า ร้านใหม่ ได้ปรับฐานกลยุทธ์ดึงลูกค้าใหม่เข้ามา ดึงกลุ่มวัยรุ่นเข้าร้าน ให้ลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมกีฬาชนิดต่างๆ อาทิ ฟุตบอล ฟุตซอล มวย ที่มีความสนุก มีความมัน เช่น มวยใต้ดิน มวยหกเหลี่ยม สตรีทไฟล์ที่นิยมกันในโลกโซเชียล และปีหน้าจะเข้าไปในส่วนของเซิร์บบอร์ด รถออฟโรด สเก็ตบอร์ด เป็นการสร้างแบรนด์สินธรให้เป็นที่รู้จักของคนกลุ่มนี้ ให้เขารู้ว่า มีอะไรบ้าง ค่อยๆให้ซึมซับไป ไม่มุ่งแต่โปรโมทอย่างเดียว ทำคล้ายๆเรดบูล

‘ที่เข้าไปสนับสนุนกลุ่มกิจกรรมออกกำลังกายเหล่านี้ พอเขาเหนื่อยมาก็มาทานอาหาร บางส่วนที่ออกกิจกรรมก็จะซื้อผลิตภัณฑ์สินธร ไปทำกันตรงนั้น พยายามเอากิจกรรมของเขามามิกซ์กับธุรกิจของเราให้ได้ ส่วนสื่อทีวีมุสลิม ที่เคยทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ก็ยังคงไว้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้

‘พยายามทำให้อินเตอร์ขึ้น ตอนนี้ตลาดบนติดแล้ว เหลือตลาดล่าง ตลาดกลาง ซึ่งเป็นพื้นฐานของธุรกิจเรา ที่จะสร้างการรับรู้ให้เขาเห็นว่า สินค้าคุณภาพแต่ราคาไม่แพง อย่าเนื้อแองกัสกิโลกรัมละ 600-700 บาท เราก็ซอยให้เล็กลง ให้รู้สึกว่า ไม่แพง ให้จับต้องได้ เมื่อลูกค้าเข้าร้านก็จะให้คำแนะนำว่า แต่ละส่วนของเนื้อเหมาะจะทำอะไร จะปิ้งย่าง หรือชาบู ให้ทานแล้วประทับใจ’ นก กล่าว

‘เราต้องการให้สินธร เป็นแลนด์มาร์คของร้านอาหารมุสลิม ต้องการให้ร้านเป็นร้านแบบครอบครัว ที่พ่อแม่ลูก ครอบครัวมาทานด้วยกัน และต้องการเปลี่ยนการรับรู้ใหม่ของสังคม ให้รู้ว่า อาหารมุสลิม ไม่ได้มีแต่ข้าวหมก ซุบหางวัว แต่เรามีความหลากหลายมาก เป็นสิ่งที่สินธรสเต็กเฮ้าส์ต้องการให้เกิดขึ้น’ นก กล่าว

ผู้บริหารสินธรสเต็กเฮ้าส์รุ่นใหม่ กล่าวด้วยว่า แม้ว่าสินธรฯจะพัฒนาไปในทุกด้าน แต่สิ่งที่เราไม่ทิ้งก็คือ การช่วยเหลือสังคม เรายังช่วยเหลือเด็กกำพร้าเหมือนเดิม ยังช่วยเหลือสังคมเหมือนเดิม อย่างล่าสุด น้ำท่วมปักธงชัย ชาวบ้านอยู่กันลำบากมาก สินธรก็ยกครัวไปช่วยนำเนื้อ เบอร์เกอร์ไปปรุงอาหารช่วย ชาวบ้านก็ประทับใจ ไม่คิดว่า มุสลิมก็ลงไปช่่วย เราต้องการทำให้สังคมมองมุสลิมในภาพดีๆ ไม่ใช่มองแต่ภาพร้ายอย่างที่เป็นอยู่ สินธรไม่ได้ทำแต่เพื่อสินธร แต่เราทำเพื่อสังคม เพื่อมุสลิมด้วย
หรือล่าสุดน้ำท่วมปัตตานี สินธรฯก็ส่งครัวลงไปปรุงอาหารแจกพี่น้องผู้ประสบภัย ซึ่งเรายืนยันว่า เรายังให้การช่วยเหลือ สนับสนุนสังคมมุสลิม ช่วยเหลือคนยากคนจน ช่วยสังคม และงานศาสนาต่อไป

และนี่คือ สินธรสเต็กเฮ้าส์ยุคใหม่ ภายใต้การบริหารของ นก บินซอและห์ ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมของสินธรเอาไว้ และเพิ่มความหลากหลายเข้ามาให้น่าสนใจมากขึ้น

นุ่มทุกคำ ฉ่ำทุกชิ้น สินธรสเต็กเฮาส์รอคุณอยู่ที่ ถนนศรีครินทร์ซอย 3

หมายเหตุ: จากนิตยสาร Mtoday ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563